ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ มิชู หัวหอกชาวสแแปนิชของ สวอนซี ซิตี ที่ย้ายมาด้วยค่าตัวสุดถูกเพียง 2.2 ล้านปอนด์ จนทำให้ ไมเคิล เลาดรูป กุนซือของทีมคุยโวว่านี้คือการซื้อแห่งฤดูกาล ขณะที่ แกรี ลินิเกอร์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ยกย่องว่าเขาคือการซื้อแห่งศตวรรษ
มิชู ยิงประตูให้กับ ราโย บาเยกาโน 15 ลูก เมื่อปีก่อนและมีส่วนสำคัญช่วยให้รอดพ้นการตกชั้นในวันสุดท้ายของซีซัน จากนั้นย้ายมาสู้ สวอนซี เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา และเมื่อผ่านครึ่งทางเขาซัลโวให้ "หงส์ขาว" ไปแล้ว 13 ประตู กับค่าตัว 2.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110 ล้านบาท) สตาร์รายนี้ดีพอจะเป็นดีลแห่งศตวรรษหรือไม่ และรายชื่อต่อจากนี้คือ 10 แข้งที่เคยถูกมองคุ้มค่าคุมราคา จากการตีข่าวของ "เดลี เมล" สื่อประจำเกาะอังกฤษ
|
โรบิน ฟาน เพอร์ซี (เฟร์เยนอร์ด สู่ อาร์เซนอล 2.75 ล้านปอนด์ ปี 2004)
"ปืนใหญ่" ดึงตัวหอกชาวดัตช์รายนี้มาด้วยค่าตัวสุดคุ้มเพียง 2.75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 137.5 ล้านบาท) และยิงประตูให้ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้เฮเป็นกอบเป็นกำ แม้ "อาร์วีพี" จะมีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานต่อเนื่องแต่เขาสร้างชื่อจนเป็นดาวเตะระดับเวิลด์คลาส ก่อนจะถูกขายให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยมูลค่าที่สูงกว่าเดิมจากตอนซื้อมาเกือบ 10 เท่า
|
ลิโอเนล เมสซี (นีเวลส์ โอลด์ บอย สู่ บาร์เซโลนา ฟรี ปี 2000)
เว้นไว้คนให้กับนักเตะที่ยอดเยี่ยมของโลกรายนี้และจะไม่มี เมสซี หาก "เจ้าบุญทุ่ม" ไม่เสี่ยงมอบสัญญาให้กับเด็กหนุ่มวัย 11 ปี ชาวอาร์เจนไตน์ ที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าขาดฮอร์โมนในการเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายเล็กว่าเด็กปกติ พร้อมยินดีจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด ก่อนเพลเมกเกอร์ที่มีเลือดแคว้นกาตาลันครึ่งหนึ่งจะคืนทุนให้ทั้งหมดด้วยการพา บาร์เซโลนา ซิวแชมป์มากมาย
|
เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ (ฟูแลม สู แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ล้านปอนด์ ปี 2005)
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามหาตัวตายตัวแทนของ ปีเตอร์ ชไมเคิล ที่ปลดระวางไปก่อนหน้านี้ และต้องเสี่ยงที่จะผิดหวังกับ มัสซึโม ตาอิบี, มาร์ค บอชนิช หรือแม้กระทั่ง ทิม ฮาวเวิร์ด ก่อนจะมาลงตัวพอดีกับ ฟาน เดอร์ ซาร์ นายทวารทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่ง 6 ปี ในรั้วโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด เขาฝากผลงานช่วยเซฟจังหวะสำคัญนับไม่ถ้วนชนิดที่แฟน "ผีแดง" ต้องคิดถึงเมื่อยามที่จากไป
|
คริสเตียโน โรนัลโด (สปอร์ตติง ลิสบอน สู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 12.2 ล้านปอนด์ ปี 2003)
ย้ายเข้าสู่ทีมในยุคเดียวกับ ดาวิด เบลิยง, เอริค เฌมบา-เฌมบา, ทิม ฮาวเวิร์ด และ เคลแบร์สัน ทว่าเจ้าหนูจอมสับจากแดนฝอยทอง กลายเป็นคนเดียวที่แจ้งเกิดในโรงละครแห่งความฝัน มีลาลีการเล่นเป็นจุดขายและลูกยิงฟรีคิดที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมสืบทอดเสื้อแข้งมหายเลข 7 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนจะทำกำไรมหาศาลในวันที่ตัดสินใจย้ายไปหาความท้าทายกับ รีล มาดริด ด้วยค่าตัว เป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,000 ล้านบาท)
|
หลุยส์ ซาฮาร์ (เม็ตซ์ สู่ ฟูแลม 2.1 ล้านปอนด์ ปี 2000)
ฌอง ติกานา กุนซือคนดังชาวเมืองน้ำหอมเข้ามารับงานในถิ่นคราเวนท์ ค็อตเทจ ในปี 2000 และจัดการขาย เจฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ ดาวยิงสุดฮอตของทีมทิ้งด้วยราคา 2.25 ล้านปอนด์ ก่อนนำเงินไปซื้อตัว หลุยส์ ซาฮาร์ แข้งโนเนมจากฝรั่งเศสเข้ามาร่วมงาน ซึ่งใครจะไปเชื่อว่าเยาวชนจาก เม็ตช์ จะซัดไปถึง 27 ประตูในปีแรกและพา "เจ้าสัวน้อย" ทะยานจาก ดิวิชัน 1 เดิม (เดอะ แชมเปียนส์ชิพ ในปัจจุบัน) ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกอย่างยิ่งใหญ่
|
แวงซองต์ กอมปานี (ฮัมบูร์ก สู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี 6 ล้านปอนด์ ปี 2008)
ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" ในยุคที่ยังเป็นทีมเศรษฐีฝึกหัดหว่านเงินกว้างซื้อนักเตะแบบไม่ค่อยเลือกหน้า กอมปานี พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ มีความแข็งแกร่งในเกมรับ ความเป็นผู้นำสูง ก่อนจะได้รับปลอกแขนกัปตันทีม และพา ซิตี คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 44 ปี เมื่อฤดูกาลก่อน ถือว่า มาร์ก ฮิวจ์ส ตาแหลมไม่เบาสำหรับราคา 6 ล้านปอนด์
|
แกเร็ธ เบล (เซาแธมป์ตัน สู่ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 7 ล้านปอนด์ ปี 2007)
นักธุรกิจยังต้องอายกับแผนการซื้อ-ขายของ "ไก่เดือยทอง" พวกเขาจัดการคว้าตัว เบล จาก "นักบุญแดนใต้" ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 250 ล้านบาท) และปล่อยหัวหอกบัลแกเรีย อย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ให้กับ "ปิศาจแดง" ด้วยสนนราคา 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) จากนั้น สเปอร์ส จ่ายเพิ่มให้ เซาแธมป์ตัน อีก 2 ล้านบาทตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ซึ่งปัจจุบันผ่านไป 5 ปี ราคาของ เบล พุ่งไปอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ หากต้องถูกปล่อยขายจาก ไวท์ ฮาร์ท เลน
|
เจย์ เจย์ โอโคชา (ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สู่ โบลตัน ฟรี ปี 2002)
โบลตัน ไม่เสียสตางค์แม้แต่เพนนีเดียวในการได้ตัว เพลเมกเกอร์ไนจีเรียมาร่วมทัพ และผลงานจากปลายสตั๊ดของ โอโคชา ช่วยให้ "เดอะทร็อตเตอร์" สามารถอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ในปี 2003 จากนั้นฤดูกาลถัดมา เขาปั่นฟรีคิกพาทีมเข้ารอบชิงฟุตบอล คาร์ลิง คัพ ก่อนจะไปแพ้ให้กับ มิดเดิลสโบร์ช 1-2 เป็นได้แค่รองแชมป์ แต่ด้วยลีลาการเล่นที่ไม่ต่างจากพ่อมดในถิ่นรีบ็อก สเตเดียม เขาคืออีก 1 ความคุ้มค่าแม้ว่าจะมาแรงในตอนปลายก็ตาม
|
โจ ฮาร์ท (ชูวส์บิวรี สู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี 100,000 ปอนด์ ปี 2005)
ความแตกต่างระหว่างทีมที่ดีกับทีมยอดเยี่ยมบางครั้งวัดกันที่ผู้รักษาประตู กอร์ดอน แบงค์, ปีเตอร์ ชไมเคิล และ อิเคร์ กาซึยาส ล้วนพิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว และ โจ ฮาร์ท คือตัวแปรที่ทำให้ต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก สมัยแรกไปครองเมื่อปี 2011-12 หลังจากทั้ง ซิตี และ "ผีแดง" มีคะแนนเท่ากันในศึกพรีเมียร์ลีกที่ 89 แต้มและต้องวัดส่วนต่างของประตูได้-เสีย ซึ่งผลปรากฏว่า ทีมของ โรแบร์โต มันชินี คว้าโทรฟีไปครอง
|
เฟร์นันโด ตอร์เรส (แอต.มาดริด สู่ ลิเวอร์พูล 21 ล้านปอนด์ ปี 2007)
ปฏิเสธไม่ออกเหมือนกันว่า "เอล นินโญ" คือความคุ้มค่ามหาศาลของ ลิเวอร์พูล ที่สามารถย้อมแมวขายต่อให้กับ เชลซี ด้วยราคา 50 ล้านปอนด์ (2,500 ล้านบาท) ฟันกำไรเกือบ 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท) ตอร์เรส ยิงในยูนิฟอร์มของ "หงส์แดง" 65 ประตู จาก 102 เกมในลีก ทว่าตัวเลขกลับกันราวฟ้ากับเหวเมื่อ เขาคลำเป้าไปเพียง 26 ลูก จาก 100 เกมกับชีวิตในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
|