ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม เบลเยี่ยม เอาชนะ ตูนิเซีย 5-2 บอลโลก 2022 24 มิ.ย. 2018

แผงหลัง 4 คนของ ตูนิเซีย ไม่มีใครเล่นอยู่ในลีกยักษ์ใหญ่ของ ยุโรป เลย และประสบการณ์ในระดับสูงที่มีไม่มากพอของพวกเขาก็มาระเบิดเอาตั้งแต่ต้นเกมเมื่อเสียเหลี่ยม เอแด็น อาซาร์ ไปเข้าบอลพรวดจนทำให้ทีมเสียจุดโทษและทำให้รูปกระบวนของพวกเขาต้องเสียไปเล็กน้อย

พวกเขาพยายามที่จะเปิดเกมรุกเข้าใส่ซึ่งก็น่าประทับใจมากที่ ตูนิเซีย ทำได้วูบวาบในเกมรุกเสียด้วย หากแต่น่าเสียดายที่บอลสุดท้ายของพวกเขาไม่เด็ดขาดพอ

ที่เห็นได้ชัดคือพวกเขามีความผิดพลาดในการเซ็ตบอลในแดนหลังอยู่บ่อยครั้งอันเกิดจากความไม่นิ่งพอรวมกับการตัดสินใจที่ย่ำแย่ โชคดีมากที่ ตูนิเซีย ยังเสียไปแค่ 5 ประตูเท่านั้นในเกมนี้

ก่อนเริ่มเกมนี้เราคาดหวังว่าลึกๆ แล้ว ตูนิเซีย น่าจะสร้างความลำบากใจให้กับ เบลเยียม ได้ไม่มากก็น้อย เมื่อพิจารณาจากเกมนัดแรกที่พวกเขายื้อ อังกฤษ ได้จนถึงช่วงท้ายของเกม

ทว่าการณ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาดเมื่อพวกเขาต้องมาเสียจุดโทษตั้งแต่ต้นเกม จนเป็นที่มาของเกมพยายามทวงประตูคืนและเปิดช่องโหว่ในแนวรับจนถูกยิงไหลมาเทมาอย่างที่เราเห็น

แม้จะคว้าชัยชนะมาในเกมแรก แต่พลลพรรคขุนพล ปีศาจแดงแห่งยุโรป กลับไม่ได้รับเสียงชื่นชมมากนักเมื่อรูปเกมของพวกเขาทำได้อย่างน่าผิดหวัง มันเป็นเกมที่ เบลเยียม ใช้ความสามารถเฉพาะตัวของสตาร์ดังล้วนๆ ในการไล่โขยก ปานามา เกมก่อนหน้า

ทว่าในเกมนี้เราได้เห็นการประสานงานที่ยอดยเยี่ยมจากบรรดาดาวเตะซูเปอร์สตาร์ของพวกเขา มีรูปแบบการเข้าทำที่ชัดเจนและต่างฝ่ายต่ายเล่นเพื่อกันและ

5 ประตูที่พวกเขาทำได้และการสร้างสรรค์โอกาสจะแจ้งอีกนับครั้งไม่ถ้วนก็น่าจะทำให้แฟน เบลเยียม ได้อุ่นใจขึ้นบ้างในช่วงเวลาที่เหลือของทัวร์นาเมนต์

ต่อเนื่องจากข้อก่อนหน้า แม้เกมรุกของพวกเขาจะดุดันสุดๆ กับ 5 ประตูที่ทำได้ในเกมนี้ทว่าการเสียถึง 2 ประตูก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับพวกเขาเมื่อเจอคู่แข่งอย่าง ตูนิเซีย

การยืนตำแหน่งในเกมรับที่หละหลวมทำให้พวกเขาเสียประตูแรกจากลูกฟรีคิก ขณะที่การประสานงานของ 3 ปราการหลังตัวกลางก็ดูจะเปิดพื้นที่ให้กับ ตูนิเซีย ได้เข้าทำอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะรอยโหว่ที่ริมเส้นทั้งสองฝั่งซึ่งจะเสียกระบวนกันไปเป็นโดมิโนเมื่อถูกเจาะริมเส้น โชคดีสำหรับ เบลเยียม ในเกมนี้ที่ ตูนิเซีย ไม่มีความเด็ดขาดมากพอ

อย่างไรก็ตาม การเจอกับทีมชาติ อังกฤษ ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มน่าจะเป็นบททดสอบที่ดีสำหรับพวกเขา

หากให้ลิสต์กองหน้าที่คาดว่าจะทำผลงานได้ดีก่อน ฟุตบอลโลก จะเริ่มต้นขึ้น เราเชื่อว่าหลายคนคงจัดชื่อของ โรเมลู ลูกากู อยู่ในลำดับท้ายๆ ของลิสต์ดังกล่าว แต่เจ้าตัวแสดงให้เห็นแล้วเขายังเป็นที่พึ่งของทีมได้เมื่อผ่าน เวิลด์คัพ ไปแล้ว 2 นัด

แม้จะไม่มีลีลาที่ทำให้ใจเต้นยามได้บอลเหมือน เนย์มาร์ หรือ เมสซี ไม่มีความเด็ดขาดเหมือน โรนัลโด้ แต่ 4 ประตูจาก 2 เกมก็ทำให้เจ้าตัวครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับสตาร์จาก โปรตุเกส ในตอนนี้

ในเกมนี้ดาวยิงจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงสปีดต้นอันยอดเยี่ยม ความแข็งแกร่งในตัวอันเต็มเปี่ยม การหาพื้นที่ว่างให้ตัวเอง และความเด็ดขาดในการจบสกอร์