ข่าว 5 เรื่องควรรู้ !!! หลังเกม เชลซี เปิดบ้านชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 พรีเมียร์ลีก 11 มี.ค. 2018

ณ นาทีนี้คงไม่มีใครเด่นเกินปีกชาวบราซิลอีกแล้วในทีมเชลซีแล้ว ซึ่งเจ้าตัวสามารถซัดได้อีก 1 ประตูในเกมนี้ด้วย 

วิลเลียนเป็น 1 ในนักเตะที่วิ่งพล่านไปทั่วสนามของเชลซีนอกจากก็องเต้และอาซาร์ แต่เขามีส่วนร่วมในเกมรุกมากที่สุดใน 3 คน สร้างโอกาสยิงได้ถึง 6 ครั้งเป็นรองเพียงชิรูด์ และยิงเข้ากรอบถึง 4 ครั้ง เลี้ยงผ่านคู่แข่งอีก 8 ครั้ง  

ยังไม่ใช่วันทีดีสำหรับชิรูด์เท่าไหร่ แม้ทีมจะเก็บ 3 แต้มได้ก็ตาม

ทำไมน่ะหรือ ชิรูด์คือนักเตะที่มีโอกาสยิงสูงสุดในเกมนี้ 7 ครั้ง แต่เขาทำประตูไม่ได้เลย และยิงตรงกรอบเพียง 2 ครั้งเท่านั้น แถมควรมีชื่อเป็นผู้ทำสกอร์ได้ถึง 2 ครั้งด้วย แต่ลูกยิงของเขาในท้ายครึ่งแรกกลับถูกทอมคินส์สกัดได้ในวินาทีสุดท้ายแบบไม่น่าเชื่อ อีกลูกก็ดันชนเสาซะเฉย ๆ 

เกมนี้เป็นเกมที่ 2 ที่ชิรูด์ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับสิงห์บลูในพรีเมียร์ลีก และเมื่อรวมเกมสำรอง เขาก็จะลงเล่นไปทั้มหมด 5 เกมนับตั้งแต่ย้ายมาจากอาร์เซนอล ซึ่งเขายังยิงประตูในลีกไม่ได้เลย และทำได้แอสซิสต์เดียวเท่านั้น

เมื่อเทียบกับศูนย์หน้าที่ย้ายทีมในช่วงเดียวกันอย่างโอบาเมยองหรืออเล็กซิส ตอนนี้ถือว่าเขาเงียบที่สุดแล้ว

ชัยชนะในเกมนี้ทำให้เชลซีและอันโตนิโอ คอนเต้ยังหายใจได้ตามปกติอยู่ แม้จะไม่โล่งมากก็ตาม

นัดที่ 30 ของพรีเมียร์ลีกเมื่อ 3 ฤดูกาลที่แล้วคือเกมที่ส่งเชลซีเป็นแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การคุมทีมของโชเซ มูรินโญคำรบ 2 แต่ในฤดูกาลนี้มันกลับเป็นเพียงการไล่จี้ทีมใน top 4 เท่านั้น และหากเขาไม่สามารถพาทีมไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้ โอกาสที่คอนเต้จะได้อยู่ต่อก็น้อยพอสมควรทีเดียว

ปัจจุบัน เชลซีของคอนเต้มีอยู่ 56 แต้ม ตามหลังสเปอร์สอยู่ 2 แต้ม และอันดับ 3 อย่างลิเวอร์พูลอยู่ 4 แต้ม  หากเสปอร์สเอาชนะบอร์นมัธได้ในคืนวันอาทิตย์นี้ สเปอร์สจะขึ้นไปอยู่ที่ 3 และนำเชลซี 5 แต้ม เท่ากับว่าลูกทีมของคอนเต้จะพลาดอีกไม่ได้แล้ว และชัยชนะแต่ละนัดมันก็เหมือนการต่อลมหายใจไปทีละนิด ๆ เท่านั้นเอง 

เชลซีมีคิวต้องเตะกับสเปอร์สในวันที่ 1 เมษายน และเกมกับลิเวอร์พูลวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งทั้ง 2 เกมนี้แหละ ที่น่าจะได้วัดชะตาของคอนเต้กับเชลซีในฤดูกาลนี้จริง ๆ

พวกเขาเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้น แต่มันกลับทำให้ความมั่นใจทั้งทีมสะเทือนได้เลยทีเดียว

ถ้าเกมนี้จบลงโดยการถูกตีเสมอ พวกเขาจะต้องตามสเปอร์ส 4 แต้ม และมันจะกลายเป็น 7 หากสเปอร์สชนะบอร์นมัธได้ นั่นแปลว่าต่อให้เชลซีชนะสเปอร์สในวันที่ 1 เมษาก็แทบจะไม่มีความหมายอยู่ดี

ไหนจะความมั่นใจของแนวรับเชลซีที่ดร็อปลงอย่างมากในช่วงหลัง เสียยประตูไป 5 จาก 7 เกมก่อนหน้านี้   การเก็บคลีนชีทซักนัด โดยเฉพาะก่อนเกมใหญ่กับบาร์เซโลนาน่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะนักเตะอย่างคริสเตนเซนและเคฮิลล์นี่น่าจะมีผลต่อใจมากทีเดียว

และสุดท้าย เมื่อพิจารณาว่าแผงหลังเชลซี 3 จาก 5 คน (คริสเตนเซน, เคฮิลล์, รือดิเกอร์) กำลังอยู่ในวิกฤติความมั่นใจ อีก 1 รักษาตัวอยู่ (ลุยซ์) การไปเจอกับบาร์เซโลนาที่คัมป์นูน่าจะกลายเป็นหายนะเอาได้ง่าย ๆ ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าบาร์เซโลนายังไม่แพ้ใครในบ้านเลยตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา และเพิ่งแพ้เพียงเกมเดียวในบ้านเท่านั้นในฤดูกาลนี้ (เกมสแปนิช ซูเปอร์โคปา กับเรอัลมาดริด) 

นี่คือเรื่องที่คอนเต้ต้องรีบแก้ไขด่วน ก่อนที่มันจะสายเกินไป

ถ้าไม่นับเอเด็น อาซาร์ที่ถูกจับไปเล่นตำแหน่งนี้ชั่วคราวแล้ว ประตูของชิรูด์ในเกมเอฟเอคัพกับฮัลล์เป็นประตูเดียวเท่านั้นในรอบ 5 เกม (รวมเกมนี้) ที่มาจากหน้าเป้า

คนที่ติดตามเชลซีอาจจะรู้มาซักพักแล้วว่าพวกเขาเพิ่งพาศูนย์หน้าไม่ค่อยได้ อาศัยพวกปีกอย่างวิลเลียนหรืออาซาร์มากกว่า 

แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาไม่ได้เล่นตำแหน่งที่มีหน้าที่เพื่อทำประตูโดยเฉพาะ หลาายเกมที่อาซาร์ลงมาในฐานะหน้าเป้า ความอิสระที่เขาเคยมีเคยใช้มันถูกจำกัดลงไป กลายเป็นว่าอาซาร์ดึงศักยภาพที่ดีที่สุดมาไม่ได้อีก วิลเลียนก็คงไม่ต่างกัน

หน้าเป้าไม่ได้จำเป็นต้องยิงประตูทุกนัดก็จริง แต่ในยามทีมเจอวิกฤติการทำประตู นักเตะที่ใช้ชื่อว่าเป็นหน้าเป้าควรจะต้องก้าวมารับหน้าที่นี้ ไม่ใช่ปีก ลองดูทีมอื่น ๆ สิ สเปอร์สมีเคน แมนฯ ยูมีลูกากู แมนฯ ซิมีอเกวโร ลิเวอร์พูลก็ยังมีฟีร์มิโนที่เล่นตรงนี้ได้แบบเนียนกริบ 

หากคอนเต้อยู่รอดต่อไปในซีซั่นหน้าและยังหวังจะกลับมาลุ้นแชมป์ หน้าเป้าเป็นเรื่อสำคัญที่เขาควรนำมาใส่ใจ เมื่อจบซีซั่นแล้วได้บัตชัวยีมา คอนเต้ต้องหาวิธีกระตุ้นให้ทั้ง 3 คนเค้นฟอร์มกลับมาให้ได้ โดยเฉพาะบัตชัวยีที่ไปยิงเอา ๆ ในเยอรมันตอนนี้ ต้องเอากลับมาใช้ในพรีเมียร์ลีกให้ได้ด้วย

อาจไม่ต้องรีบแก้เหมือนกรณีกองหลัง แต่จะปล่อยหน้าเป้าให้คลำประตูไม่เจอต่อไปก็ไม่ไหว 

ไม่งั้นก็ลงเอยแบบอาร์เซนอลนั่นแหละ