ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลัง อาร์เจนติน่า พ่าย ฝรั่งเศส 3-4 ตกรอบ บอลโลก 2022 01 ก.ค 2018

แม้จะยิง อาร์เจนตินา ได้ถึง 4 ประตู แต่ ฝรั่งเศส ของ เดชองส์ ยังห่างไกลจากคำว่าชนะเพราะเล่นเป็นทีมมากนัก 

ประตูแรกของพวกเขามาจากความไวล้วน ๆ ของ เอ็มบัปเป้ ที่เรียกจุดโทษได้ ก่อนที่จะเป็นความเฉียบขาดของ กรีซมันน์ ที่ซัดจุดโทษเข้าไป ประตูที่สองของพวกเขามาจากการเปิดพลาดของ แอร์นันเดซ ที่ดันโค้งมาเข้าทาง ปาวาร์ และการยืนตำแหน่งพลาดของแนวรับ อาร์เจนตินา ประตูที่สามก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของ เอ็มบัปเป้ มีเพียงลูกที่สี่ที่พอให้เห็นความเป็นทีมเวิร์คหน่อย 

ทั้ง 4 ประตูในเกมนี้ของ ฝรั่งเศส เป็นเพียงการยิงตรงกรอบแค่ 4 ครั้งเท่านั้น นอกจากนั้นพวกเขาไม่มีโอกาสจะ ๆ จัง ๆ เลย หรือไม่งั้นก็ทำออกกันไปเองแบบไม่มีลุ้น หากลูกทีมของ เดชองส์ ยังหวังจะไปให้ลึกกว่านี้ พวกเขาต้องเตรียมรับมือกับทีมที่มีแนวรับที่เป็นระบบมากกว่า อาร์เจนตินา ที่อ่อนยวบยาบมาตั้งแต่เกมรอบแบ่กลุ่มแล้ว หรือไม่งั้นก็ต้องหวังให้แต่ละคนกดสกิลท่าไม้ตายให้ติดแบบเกมนี้

เปเล่ และ มาราโดนา ต่างมีช่วงเวลาที่ได้ชูถ้วยบอลโลกซักครั้งหรือมากกว่านั้น และต่างมีชภาพให้ชนรุ่นหลังได้จำ ทั้งน้ำตาของเปเล่ หรือหัตถ์พระเจ้าของเสือเตี้ย แต่กับ ลิโอเนล เมสซี แล้ว เขากำลังจะหมดโอกาสที่จะได้ทำแบบนั้น

เมสซี เพิ่งจะอายุ 31 ปี ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และนั่นหมายความว่าเขาจะอายุ 35 ปีเข้าไปแล้วในฟุตบอลโลกที่กาตาร์ ซึ่งเมื่อเทียบกับทีมชุดนี้แล้ว จะมีแค่ กาบาเยโร ที่อายุมากกว่าเขาเท่านั้น

การตกรอบของ เมสซี ครั้งนี้จึงแทบจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตค้าแข้งของเขาก็ว่าได้ และถึงกระนั้น เขาก็ดันตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยที่ไม่ได้ฝากอะไรไว้ให้เป็นที่จดจำเลย ไม่แม้แต่จะยิงลูกยิงมหัศจรรย์อะไร หรือเปิดบอลให้เพื่อนตีเสมอนาทีสุดท้ายก็ทำไม่ได้

เอาจริง มาราโดนา มาดู อาร์เจนตินา ในฐานะกองเชียร์ปีนี้ยังน่าสนใจกว่า เมสซี กับเพื่อนทั้งทีมด้วยซ้ำ

อาร์เจนตินา เป็นทีมที่มีแนวรุกอันตรายที่สุดทีมนึงในอเมริาใต้ แต่เมื่อพูดถึงแนวรับแล้ว พวกเขาก็ขึ้นชื่อในเรื่องความเละเทะอยู่เหมือนกัน

เมื่อ ฝรั่งเศส ทำเกมสวนกลับขึ้นมา มันดูเหมือนว่ากองหลัง อาร์เจนตินา แต่ละคนไม่รู้ว่าควรวิ่งไปทางไหนหรือประกบใคร พวกเขาไม่มีสิ่งที่เรียกว่าผู้นำในแนวรับ แม้แต่ โอตาเมนดี้ ก็ทำไม่ได้ โรโฮ หรอ อย่าหวังเลย แถมยิ่งไปกันใหญ่เมื่อส่ง ฟาซิโอ ลงมาในสนามอีกต่างหาก

ก่อนหน้านี้ เอ็มบัปเป้ อาจถูกโจมตีบ่อยครั้งว่าเขายังไม่ดีพอกับป้ายราคา 180 ล้านยูโร ค่าตัวแพงที่สุดอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ แต่ไม่แน่ว่าหลังจบฟุตบอลโลกคราวนี้ ค่าตัวเขาอาจเพิ่มมากขึ้นอีกก้ได้

เอ็มบัปเป้ โชว์ให้เห็นถึงความอันตรายของเขาในการเล่นเกมสวนกลับ และเพียงครั้งแรก เขาก็เรียฟรีคิกในระยะยอันตรายได้ทันที เท่านั้นไม่พอ เขายังวิ่งตะบึงตั้งแต่แดนตัวเองจนเข้าเขตโทษ อาร์เจนตินาได้ชนิดที่ว่าไม่มีนักเตะ อาณ์เจนตินา คนไหนหยุดเขาได้เลย ก่อนจะโดน โรโฮ ทำฟาวล์ในเขตโทษนั่นแหละ

เอ็มบัปเป้ ยังทำแบบนี้ได้อีกหลังจากนั้น และรวม ๆ แล้วยยังเรียกใบเหลืองจากนักเตะ อาร์เจนตินา ได้อีก 3 ใบด้วย 

นอกจากความเร็วแล้ว การทำประตูของขเาก็ยอดเยี่ยม เขาเก็บตกบอลได้ในเขตโทษ ก่อนจะหาช่องยิงได้ดี และเลือกยิงยัดมุมอับของ อาร์มานี ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนลูกสุดท้ายเขาก็เหมือนเป็นการสรุปทุกิย่าง เมื่อเขาใช้ความเร็วสปีดหนีกองหลังมารับบอลจาก ชิรูด์ และใช้ความคมยิงบอลผ่าน อาร์มานี เข้าไป 

ประโยคนี้ไม่ได้มีไว้ถามเวลาใครแต่งตัวเต็มยศไปถ้ำ แต่ยังหมายถึงเหล่ายอดดาวยิงก้นด้านของ อาร์เจนตินา ในทัวร์นาเมนท์นี้ด้วย

เป็นเกมที่ 4 แล้วที่ ฆอร์เก้ ซามเปาลี ส่งทีมแนวรุกลงมาไม่ซ้ำหน้า แต่มันมีอยู่คนนึงเสมอที่ได้ลงตลอดแม้ว่าจะทำประตูไม่ได้เลยก็ตาม นั่นก็คือ เมสซี ในขณะที่ อเกวโร ได้โอกาส 2 ครั้ง อิกวาอิน 1 ครั้ง และ ดิบาลา ไม่ได้ลงเป็นตัวจริงเลย ทั้ง ๆ ที่ในเกมระดับสโมสร ทั้ง 3 คนไม่ได้แย่กว่า เมสซี อะไรขนาดนั้น โดย อเกวโร ยิงไป 30 ดิบาลา 26 และ อิกวาอิน 23 ในฤดุกาลล่าสุด ซึ่งแค่นี้ก็ถิอว่าเยอะจะตายแล้วในเกมระดับสโมสร

และเมื่อเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่แพ้แล้วหมายถึงการตกรอบ ซามเปาลี ยังลองของแปลกด้วยการส่งแค่ เมสซี คนเดียวลงสนาม ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเกมนี้มีความสำคัญขนาดไหน เขาสามารถส่งทั้ง 4 คนลงสนามพร้อมกันก็ยังได้ แต่ดันเลือก ปาบอน ลงมาแทน และเมื่อถึงคราวที่ตามหลัง 2 ลูก เขาก็ยังรอจนกระทั้งนาทีที่ 75 ถึงค่อยส่งเอา เมซา ลงมาแทน ปาบอน ที่ควรถูเปลี่ยนตัวไม่ตั้งนานแล้ว 

สรุปในทัวร์นาเมนท์ 2018 นี้ อเกวโร 174 นาที ยิงได้ 2 ประตู อิกวาอิน ลงเล่นไป 120 นาที ยิงประตูไม่ได้ และ เปาโล ดิบาลา ลงเล่นไป 22 นาที ยิงประตูไม่ได้

ถ้ารู้แบบนี้ ดิบาลา อาจนั่งดูบอลทางทีวีกับ อิคาร์ดี้ ที่บ้านไปแล้ว