ข่าว 4 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม โปรตุเกส บุกเสมอ อิตาลี 0-0 กระชับมิตรทีมชาติ 18 พ.ย. 2018

ปีกซ้ายจาก นาโปลี ได้โอกาสลงเล่นในเกมนี้แทน เฟเดริโก้ แบร์นาเดสคี ที่บาดเจ็บ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีทีเดียวเมื่อสามารถฉีกกระชากแนวรับของ โปรตุเกส จนไม่เหลือชิ้นดี ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ อินซินเญ สามารถพาบอลผ่านคู่แข่งและมักจะจบด้วยโอกาสดี ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการยิงเองหรือการจ่ายให้เพื่อนเอาไปเล่นต่อก็ตาม 

น่าเสียดายที่เกมรุกของ อิตาลี แผ่วไปเสียดื้อ ๆ ในครึ่งหลัง และนั่นทำให้โอกาสของ อินซินเญ ก็น้อยลงไปด้วย

โปรตุเกส สู้ อิตาลี ไม่ได้เลยอย่างชัดเจน ทั้งการครองบอลที่โดนกดดันอย่างหนัก กองกลางที่ไม่สามารถเก็บบอลได้ และกองหน้าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย โดยรวมแล้วพวกเขาน่าจะแพ้ในเกมนี้ 0-2 เสียด้วยซ้ำ 

อย่างไรก็ตาม แม้พวกเขาจะได้แค่ 1 แต้มกับการครองบอลเพียง 33% แต่มันก็เพียงพอที่จะพาพวกเขาเข้ารอบน็อกเอาต์เป็นทีมแรกจากทั้ง 4 กลุ่มในลีกเอ หลังจากที่อีก 3 กลุ่มที่เหลือยังเปิดกว้างระหว่าง 2 ทีมหัวตาราง โดยเฉพาะกลุ่ม 4 ที่เป็นไปได้ถึง 3 ทีมด้วยกัน

การจับฉลากประกบคู่ 4 ทีมสุดท้ายในรอบน็อกเอาต์ของ ยูฟา เนชันส์ลีก 2018/19 จะมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม 2561 ตอน 2 ทุ่มครึ่ง ส่วนเกมการแข่งขันจะเริ่มแข่งในเดือนมิถุนายนปี 2019 เป็นการแข่งขันเลกเดียว และจะมีนัดชิงชนะเลิศหรือนัดชิงที่ 3 ในอีก 3 วันถัดไป

กว่าจะถึงตอนนั้น โปรตุเกส จะยังมีเวลทบทวนตัวเองอีกพอสมควรว่าพวกเขายังขาดอะไรที่จะช่วยให้พวกเขาเอาชนะทีมอย่าง เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สเปน หรือ อังกฤษ ได้ จะใช่ชายที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือเปล่าก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

อิตาลี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องการ 3 แต้มในเกมนี้ หลังบุกกดดัน โปรตุเกสตั้งแต่ต้นเกมจนจบครึ่งแรกโดยที่ โปรตุเกส แทบไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปาก 

เบื้องหลังความสำเร็จของ อิตาลี ในครึ่งแรกคือการต่อบอลอันรวดเร็วและการบีบพื้นที่จน โปรตุเกส แทบไม่สามารถหาช่องต่อบอลออกมาจากแดนตัวเองได้เลย โดยเฉพาะเมื่อ อิตาลี มีนักเตะอย่าง จอร์จินโญ และ แวร์ระตติ คอยบัญชาเกมอยู่ตรงกลาง ในขณะที่ ยาเรลลา, เคียซา และ อินซินเญ ก็พร้อมจะเลี้ยงทะลวงแนวรับทีมเยือนอยู่เสมอ

สถิติในครึ่งแรกบอกสถานการณ์ของครึ่งแรกได้ดี เมื่อ อิตาลี จ่ายบอลไปถึง 409 ครั้ง มากกว่า โปรตุเกส เกือบ 4 เท่า สร้างโอกาสยิงถึง 10 ครั้ง มากกว่าทีมเยือน 5 เท่า และมีเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่ 73 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

น่าเสียดายที่ในครึ่งหลังพวกเขาค่อย ๆ ผ่อนเครื่องลงไปจน โปรตุเกส มีช่วงนึงที่สามารถตั้งลำกลับมาได้ และแม้พวกเขาจะยังครองบอลมากกว่า แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำได้แค่เพียงเสมอกับ โปรตุเกส 0-0 เท่านั้น 

ตรงกันข้ามกับความร้อนแรงของเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ชิโร อิมโมบิเล ศูนย์หน้าจาก ลาซิโอ ดูจะทื่อไปหน่อยในเกมนี้เมื่อเขามีโอกาสทองพอสมควรในครึ่งแรก แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้เลยไม่ว่าจากมุมไหน

อิมโมบิเล มีโอกาสตั้งแต่นาทีที่ 4 จากจังหวะที่เขาโฉบผ่าน คันเซโล และ ฟอนเต้ เข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ความตั้งใจที่จะยกบอลข้ามปาทริซิอู กลับทำให้บอลไม่ตรงกรอบ จากนั้นในนาทีที่ 35 เขาโฉบเข้าไปเอาบอลในเขตโทษได้ก่อน รูเบน ดิอาส แต่จังหวะสุดท้ายก็ยังยิงไปติดตัวของ รุย ปาทริซิอู อีก

ในที่สุดเขาก็ถูกเปลี่ยนตัวออกเมื่อทำอะไรไม่ได้เลยในครึ่งหลัง แทนที่โดย เควิน ลาซานญา จาก อูดิเนเซ ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

ด้าน อังเดร ซิลวา ของ โปรตุเกส ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกันนัก เมื่อเขาสร้างโอกาสยิงได้เพียงครั้งเดียวในเกมนี้และเป็นการยิงติดบล็อกผู้เล่น อิตาลี นอกจากนั้นแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการวิ่งเหยาะ ๆ รอบอลที่ไม่มีวันมาถึงเลย 

ซิลวา ทำได้ดีขึ้นแค่ครู่เดียวจังหวะที่พยายามจ่ายบอลยัดเข้าใน ซึ่งบอลไปแฉลบกองหลัง อิตาลี เข้าทางปืนของ คาร์วัลโญ ได้ยิงไกลจนเกือบเป็นประตู แต่ ซิลวา ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกหลังจากนั้นไม่นานนัก