ดีสุดแล้ว!มาดริดไล่ไม่ทันทุบ 2-0 เสือเหลืองลิ่วชิงดำ
ไม่มีคำว่าปาฏิหาริย์สำหรับ"ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริดที่ต้องร่วงตกรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก 3 ปีติดต่อกันแม้เปิดบ้านอัด"เสือเหลือง"โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-0 จากลูกยิงท้ายเกมของเบนเซม่ากับรามอสแต่ก็ไม่พอทำให้ต้องตกรอบด้วยสกอร์รวม 4-3
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบรองชนะเลิศ นัดสอง
วันอังคารที่ 30 เมษายน 2556
เรอัล มาดริด 2-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
(โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-3 )
สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว
ประตู : 1-0 คาริม เบนเซม่า น. 83, 2-0 เซร์คิโอ รามอส น. 88
คลิปไฮไลท์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก เรอัล มาดริด 2-0 ดอร์ทมุนด์
ทั้งสองทีมเคยเจอกันมาแล้วในรอบตัดเชือกเมื่อปี 1998 ซึ่งครั้งนั้นมาดริดเป็นฝ่ายชนะด้วยสกอร์รวม 2-0 ก่อนเข้าไปอัดยูเวนตุสพร้อมคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
ตามสถิติของยูฟ่านั้นมาดริดสามารถเอาตัวรอดจากการบุกแพ้ในเกมแรกกลับมาผ่านเข้ารอบต่อไปได้ 22 ครั้งและต้องเป็นฝ่ายยอมยกธงขาวร่วงตกรอบ 14 ครั้งซึ่งรวมถึง 3 ครั้งหลังสุดด้วย
2 ครั้งสุดท้ายที่ดอร์ทมุนด์แพ้ 3-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีกนั้นเป็นเกมที่โดนมาร์กเซยอัดในเดือนก.ย. 2011 และเกมที่โดนโรเซนบอร์กถล่มในบ้านของตัวเองเมื่อปี 1999
มูรินโญ่ยังจับคาซีญาสนั่งเป็นตัวสำรองเหมือนเดิมโดยโลเปซได้ทำหน้าที่ต่อส่วนกองหลังเปเป้หลุดไปนั่งในเกมนี้แล้วมีเอสเซียงลงมาทำหน้าที่ในตำแหน่งแบ็คขวา
แนวรุกมีโรนัลโด้เรียกความฟิตกลับมาเป็นกำลังหลักเหมือนเดิมโดยแดนหน้าเป็นอิกวาอินที่ได้โอกาสก่อนเบนเซม่า
ด้านดอร์ทมุนด์ส่งชุดใหญ่ลงเต็มสูบมีเลวานดอฟสกี้ที่ยิง 10 จ่าย 2 ในแชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นหน้าเป้าสุดอันตรายเหมือนเดิม
ครึ่งแรก
อิกวาหลุดยิงติดไวเดนเฟลเลอร์
โอกาสทองของมาดริดที่จะได้ประตูขึ้นนำก่อนเลยมีขึ้นในนาทีที่ 5 เมื่ออิกวาอินรับบอลทะลุช่องของโอซิลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงไปติดเท้าของไวเดลเฟลเลอร์นิดเดียว
เลวานตะบันติดโลเปซ
ดอร์ทมุนด์มีจังหวะยิงเหมือนกันในาทีที่ 13 เมื่อได้ลูกฟรีคิกแล้วบอลเลยมาถึงเลวานดอฟสกี้ที่พักอกก่อนหนึ่งจังหวะแล้วตวัดด้วยขวาแต่บอลไปตรงตัวของโลเปซ
พลาดเห็นๆ!มาดริดโยน 2 โอกาสทองทิ้ง
แฟนเจ้าบ้านได้ครางฮือเมื่อมาดริดโต้กลับทันควันและได้ยิงอีกครั้งจากโรนัลโด้ที่พักอกก่อนหนึ่งจังหวะแล้วเอี้ยวตัววอลเล่ย์บริเวณกรอบ 6 หลาแต่คราวนี้ก็ยังไปตรงตัวของไวเดนเฟลเลอร์เหมือนเดิม
ถัดจากนั้นนิดเดียวโอซิลได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงกลับเลือกส่องไปที่เสาใกล้หลุดออกไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่เสาสองมีโรนัลโด้ยืนว่างโล่งๆอยู่แล้ว
เกิทเซ่เดี้ยงโกรสครอยต์ซเลื้อยแทน
"เสือเหลือง"ต้องเปลี่ยนตัวเร็วเลยในนาทีที่ 15 เมื่อเกิทเซ่มีอาการบาดเจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้คล็อปป์ต้องส่งโกรสครอยต์ซลงสนามมาแทน
ราชันเริ่มไร้โอกาสยิง
เกมผ่านไปครบ 30 นาทีโอกาสของมาดริดลดน้อยลงเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายครองเกมบุกมากกว่าแต่จังหวะยิงเหมาะเหม็งกลับไม่ได้เห็นกันเลย
โกรสครอยต์ซบาดเบาเหลือ
นาทีที่ 40 ดอร์ทมุนด์มีจังหวะส่องไกบ้างเมื่อโกรสครอยต์ซหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะตวัดยิงบอลนั้นทำได้ไม่ดีบอลเบาไปเยอะเลยทำให้ไม่มีอันตรายอะไรทั้งปวง
ครึ่งหลัง
เลวานดี้ยิงเบิร์ด
เกมครึ่งหลังนั้นกลับเป็นทางฝั่งของดอร์ทมุนด์ได้ลุ้นก่อนเมื่อเติมเกมขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนที่เลวานดอฟสกี้ได้บอลโล่งๆในกรอบเขตโทษแต่เจ้าตัวดันแปบอลไม่ดีเหินข้ามคานออกไปเยอะ
เกือบแล้ว!เลวานดี้อัดเต็มชนคานกระดอนบนเส้น
"เสือเหลือง"น่าได้ประตูเหลือเกินจากจังหวะโต้กลับรอยส์แทงไปให้เลวานดอฟสกี้ที่เติมขึ้นมาแล้วเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาดาวยิงโปลตะบันเต็มเหนี่ยวบอลผ่านโลเปซไปแล้วแต่ไปชนคานแล้วกระเด้งลงมาตรงเส้นประตูพอดีทำให้ไม่ได้ประตูอย่างน่าเสียดาย
น้ามูส่งกาก้า, น้องเบนซ์เติมเกมรุก
มูรินโญ่เห็นเกมยังไม่ดีขึ้นเลยถอนโคเอนเทราออกจากสนามแล้วส่งกาก้าลงไปทำเกมขณะที่อิกวาอินที่พลาดหลายครั้งในเกมนี้ก็โดนเปลี่ยนออกให้เบนเซม่าลงไปลุ้นยิงบ้าง
โลเปซเซฟได้ไง!
นาทีที่ 62 มาดริดต้องขอบคุณโลเปซเลยเมื่อเขางัดลูกเซฟสุดยอดช่วยไม่ให้ทีมเสียประตูเมื่อรอยส์รับของโขกตั้งของเลวานดอฟสกี้เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแล้วป้ายกลับมาเสาสองให้กุนโดกานยิงคนเดียวแต่ไปติดเซฟของโลเปซที่กลับมาจากเสาแรกแบบสุดเหลือเชื่อ
ราชันแทบไม่มีลุ้น
มาดริดพยายามต่อบอลขึ้นมาหวังเบิกลูกแรกให้ได้ก่อนโดยดิ มาเรียพยายามแทงบอลยัดเข้าไปหน้าปากประตูแต่ก็ไม่มีเพื่อนวิ่งเข้ามาชาร์จทำให้บอลหลุดเสาไกลออกไป
โด้จิ้มข้ามคานอีก
นาทีที่ 70 กาก้าพยายามต่อบอลไปให้โรนัลโด้ได้จิ้มด้วยหัวเกือกตรงกรอบเขตโทษพอดิบพอดีแต่บอลมันไม่มุดลงทำให้ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
เอสเซียงบล็อค...ไม่งั้นโดน
ดอร์ทมุนด์มีโอกาสสวนขึ้นมาอีกครั้งในนาทีที่ 75 โดยรอยส์ลากบอลเข้าไปถึงกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วจิ้มต่อมาให้เลวานดอฟสกี้ได้ยิงบริเวณจุดโทษทว่ายังมีเอสเซียงที่พุ่งมาบล็อคเอาไว้
ประกายความหวัง!เบนเซม่ายิงมาดริดได้ลูกแรก
เจ้าบ้านมาได้ประตูที่ต้องการในนาทีที่ 82 กาก้าเติมขึ้นมากลางประตูแล้วแทงไปให้โอซิลที่วิ่งเข้ามาในกรอบเขตโทษด้านขวาปาดเข้ากลางให้เบนเซม่าเข้าฮอร์สไม่เหลือซากทำให้มาดริดต้องการอีก 2 ประตูเท่านั้น
ลุ้นโว้ย!รามอสซัดเปรี้ยงราชันขออีกลูก
ท้ายเกมมาดริดบุกหนักเหลือเกินและเบนเซม่าได้ยิงไกลจากนอกกรอบแต่คราวนี้ไวเดนเฟลเลอร์ไม่พลาดบินปิดข้ามคานออกมาได้
ในจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุมนั้นรามอสได้จังหวะอัดเต็มข้อในกรอบเขตโทษบอลทะลุผ่านกองหลังของดอร์มุนด์ทั้งหมดเสยเพดานตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงามทำให้ตอนนี้เจ้าบ้านต้องการอีกลูกเดียวเท่านั้น
ไม่ทันดอร์ทมุนด์ชิงดำหนสองในประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ดีท้ายที่สุดแล้วมาดริดก็ไล่ไม่ทันทำให้พวกเขาตกรอบด้วยสกอร์รวม 4-3 และนับเป็นการร่วงตกรอบนี้ 3 ปีติดต่อกันขณะที่ดอร์ทมุนด์เข้าถึงรอบชิงดำเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสโมสรต่อจากปี 1997 ที่พวกเขาคว้าแชมป์
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
เรอัล มาดริด : ดีเอโก้ โลเปซ 7, ราฟาเอล วาราน 6, เซร์คิโอ รามอส 7 , ฟาบิโอ โคเอนเทรา 6 (กาก้า 6 น. 57), มิชาเอล เอสเซียง 6, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 5, เมซุต โอซิล 7, ชาบี อลอนโซ่ 5 (ซามี่ เคดิร่า 6 น. 68), ลูก้า โมดริช 6, อังเคล ดิ มาเรีย 7, กอนซาโล่ อิกวาอิน 5 (คาริม เบนเซม่า 7 น. 57)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อิเคร์ คาซีญาส, เปเป้, ราอูล อัลบิโอล, โมราต้า
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ : โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ 7 , เนเว่น ซูโบติช 6, มัตส์ ฮุมเมลส์ 7, ลูคัสซ์ ปิสซ์เซ็ค 7, มาร์เซล ชเมลเซอร์ 5, สเวน เบนเดอร์ , อิลกาย กุนโดกาน 8 , มาริโอ เกิทเซ่ - (เควิน โกรสครอยต์ซ 6 น. 15), มาร์โค รอยส์ 7, ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ 6 (เฟลิเป้ ซานตาน่า น. 89), โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 7 (เซบาสเตียน เคห์ล น. 87)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : มิตเชลล์ ลันเจรัค, โมริตซ์ ลีทเนอร์, นูริ ซาฮิน, จูเลี่ยน ชีเบอร์