สมานฉันท์!เรือฟอร์มเดิมบุกเจ๊าหม้อจืดไร้สกอร์
"เรือใบสีฟ้า"ยังรักษาสถิติไม่ชนะที่บริททานเนีย สเตเดี้ยมในเกมพรีเมียร์ลีกต่อไปหลังจากเล่นบอลเอาแน่นอนก่อนเก็บ 1 แต้มกลับบ้านจากผลเสมอสโต๊ค ซิตี้ 0-0 ทำให้บุกมาเจ๊าเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556
สโต๊ค ซิตี้ 0-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : บริททานเนีย สเตเดี้ยม
ประตู : -
"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้จัดการเปลี่ยนกองหน้าใหม่ลงมาสองคนเลยเมื่อสเตฟาน โยเวติชได้โอกาสลงประเดิมสนามกับทีมใหม่จับคู่กับอัลบาโร่ เนเกรโด้ส่งให้เอดิน เซโก้กับเซร์คิโอ อเกวโร่ต้องเป็นสำรอง
แผงหลังนั้นมานูเอล เปเญกรินี่ถอดโจลีออน เลสค็อตต์ออกไปเป็นสำรองแล้วส่งมาติย่า นาสตาซิชจับคู่กับฆาบี การ์เซียส่วนแดนกลางนั้นวันนี้ซาเมียร์ นาสรี่ได้ลงมาเล่นกับแจ็ค ร็อดเวลล์, เจมส์ มิลเนอร์และยาย่า ตูเร่
ขณะที่"ช่างปั้นหม้อ"มีชื่อของมาร์โก อาร์เนาโตวิชดาวยิงตัวใหม่และสตีเฟ่น ไอร์แลนด์รอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรองเพราะมาร์ค ฮิวจ์ตัดสินใจใช้เคนวิน โจนส์จับคู่กับโจนาธาน วอลเตอร์ส
สำหรับสถิติที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีกนั้น"เรือใบสีฟ้า"ทำได้เพียงเสมอกับเจ้าบ้าน 1-1 มาถึง 4 นัดก่อนหน้านี้บวกกับอีกหนึ่งความพ่ายแพ้ใน 5 เกมหลังสุดที่เจอกันด้วย
ครึ่งแรก
นาสรี่ทักทายก่อน
จังหวะยิงทักทายเกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก่อนโดยโยเวติชได้บอลหน้าปากเขตโทษแล้วไหลต่อให้นาสรี่ที่เติมขึ้นมาพยายามหาจังหวะยิงยัดผ่านแผงกองหลังของสโต๊คเข้าไปทว่าก็ไปเข้าซองของเบโกวิช
วิลสันส่องไกล
นาทีที่ 10 แฟนเจ้าบ้านได้ลุ้นกันบ้างโดยกองหลังของซิตี้เคลียร์ออกมาไม่ขาดมาร์ค วิลสันเก็บตกได้หน้าปากเขตโทษก่อนหวดด้วยซ้ายระยะ 30 หลาแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ
หนูโยลากมายิง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้เดินเครื่องมาอีกครั้งโดยโยเวติชลากบอลมาจากบริเวณกลางสนามด้วยตัวเองก่อนถึงระยะ 25 หลาแล้วโดนกองหลังของสโต๊คเข้ามาบีบทำให้ต้องฝืนยิงบอลไปตรงเบโกวิชสบายๆ
โถ่พี่!วอลเตอร์สโขกจ่อออกเฉย
โอกาสที่ใกล้เคียงที่สุดกลายเป็นของเจ้าบ้านโดยชาร์ลี อดัมตั้งป้อมเปิดด้วยซ้ายข้างถนัดจากริมเส้นด้านขวาไปให้วอลเตอร์สได้โขกโล่งๆแบบไม่มีใครขึ้นประกบระยะราว 5 หลาแต่ดันโหม่งออกเสาสองไปแบบสุดเหลือเชื่อ
โจนส์หลุดยิงฮาร์ทต้องเซฟ
เกมผ่านมาครบครึ่งชั่วโมงนาสรี่ทำพลาดโดนโจนส์แย่งบอลมาได้ก่อนลากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาแต่จังหวะยิงนั้นไปโดนโจ ฮาร์ทที่ออกมาบล็อคได้อย่างรวดเร็ว
อดัมยิงอีกเข้าซองฮาร์ท
เกมของซิตี้เดินเครื่องไม่ขึ้นเลยแถมยังจะมาโดนอีกเมื่ออดัมลากหลบนักเตะของ"เรือใบสีฟ้า" 3 คนก่อนอัดด้วยอีซ้ายข้างถนัดเหมือนเดิมบอลพุ่งแรงแต่ก็ยังไปตรงตัวของฮาร์ท
โคราลอฟอัดฟรีคิกข้ามคาน
ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียวซิตี้มีโอกาสได้ฟรีคิกก่อนเมื่อฮูธเสียท่าทำฟาวล์โยเวติชระยะ 25 หลาหน้าปากประตูและเป็นโคลารอฟจอมปั่นของสังหารเองแต่คราวนี้บอลพุ่งเหินข้ามคานออกไป
ครึ่งหลัง
ถ้าโดนนะ...วอลเตอร์สชาร์จวืดจ่อๆ
สโต๊คเกือบได้ประตูขึ้นนำจริงๆเมื่อคาเมร่อนแบ็คขวาชาวมะกันลากบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนเปิดมาหน้าปากประตูหวังให้วอลเตอร์สเข้าชาร์จที่เสาแรกแต่ดันไม่โดนทำให้บอลเลยออกหลังไปแบบฉิวเฉียด
โจนส์โขกได้เสียวอีก
ลูกกลางอากาศยังเป็นอาวุธเด็ดของ"ช่างปั้นหม้อ"และได้โอกาสอีกครั้งโดยเป็นอดัมคนเดิมที่คราวนี้โยกมาเปิดทางฝั่งซ้ายของสนามบอลลึกไปตรงเสาไกลโจนส์โหนขึ้นโหม่งได้เหนือนาสตาซิชทว่าบอลข้ามคานไปนิดเดียว
หนูโยโหม่งไม่ตรง
เกมผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมงพอดีซิตี้มีโอกาสบ้างโดยนาสรี่เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวาไปทางเสาไกลและเป็นโยเวติชที่กระโดดขึ้นโหม่งโดนบอลแต่บังคับทิศทางไม่อยู่ทำให้ไม่ตรงกรอบ
อดัมลองยิงไกลอีก
อดัมที่วันนี้เล่นได้เด่นจริงๆได้บอลตรงกลางสนามก่อนพยายามลากมาเข้าเท้าซ้ายแล้วอัดเต็มๆไปที่เสาแรกแต่ฮาร์ทก็ยังไม่พลาดรับไว้อยู่มือ
เกือบไป!หม้อลุ้นสองหนติด
สโต๊คเปลี่ยนสองนักเตะใหม่อย่างอาร์เนาโตวิชและไอร์แลนด์ลงสนามมาแล้วก็ได้เรื่องเลยเมื่ออดีตดาวยิงของเบรเมนตวัดบอลเร็วในกรอบเขตโทษด้านซ้ายเข้ามาหน้าปากประตูนาสตาซิชสกัดบอลพลาดแต่ยังไปโดนฮาร์ทปัดออกมาได้และจังหวะต่อมาโจนส์พยายามจะยิงก็ไม่ตรงกรอบ
หวาดเสียว!เนโกรโด้ขึ้นโขกเข่าชนหัวฮูธนอนนิ่ง
ก่อนหมดเวลา 10 นาทีเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงโดยนาบาสเปิดบอลเข้ามาตรงกลางประตูหวังให้เนเกรโด้ที่โถมกระโดดขึ้นมาทั้งตัวแต่เข่าดันไปโดนหัวของฮูธแบบเต็มๆจนกองหลังร่างยักษ์ล้มลงไปนอนแน่นิ่งทำให้เกมต้องหยุดลงไปหลายนาทีก่อนที่จะเล่นต่อไปได้
เรือเอาไม่ได้เจ๊าจืด 0-0
แม้ซิตี้จะพยายามโหมบุกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 6 คะแนนแต่ต้องจบเกมแบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนนทำให้"เรือใบสีฟ้า"รั้งอันดับ 4 ของตารางมี 7 แต้มจาก 4 เกมส่วนสโต๊คอยู่อันดับ 7 มีคะแนนเท่ากันแต่ลูกได้เสียน้อยกว่า
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
สโต๊ค ซิตี้ : อัสเมียร์ เบโกวิช, เอริค ปีเตอร์ส, โรเบิร์ต ฮูธ, ไรอัน ชอว์ครอสส์, เจฟฟ์ คาเมร่อน, มาร์ค วิลสัน (สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ น. 70), สเตฟาน เอ็นซองซี่, ชาร์ลี อดัม (มาร์โค อาร์เนาโตวิช น. 70), โจนาธาน วอลเตอร์ส, แม็ทธิว เอเธอริงตัน, เคนวิน โจนส์ (ปีเตอร์ เคร้าช์ น. 77)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โธมัส โซเรนเซ่น, เกล็น วีแลน, เจอร์เมน เพนแนนท์, วิลสัน ปาลาซิออส
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, ฆาบี การ์เซีย , มาติย่า นาสตาซิช, เจมส์ มิลเนอร์, ซาเมียร์ นาสรี่ (เฆซุส นาบาส น. 73), แจ็ค ร็อดเวลล์, ยาย่า ตูเร่, สเตฟาน โยเวติช (เซร์คิโอ อเกวโร่ น. 63), อัลบาโร่ เนเกรโด้
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คอสเตล ปาสติลิม่อน, โจลีออน เลสค็อตต์, ดีดริก โบยาต้า, แฟร์นานดินโญ่, เอดิน เซโก้