ชาบูกูซะ!อิบราโคตรเทพเหมาหมดไวกิ้งตบสิงโต 4-2
เทพขนาดนี้ยังไงก็ต้องยอมเขาล่ะสำหรับอิบราฮิโมวิชที่ซัดแฮทริกไม่พอแต่ยังยิงประตูปิดท้ายด้วยลูกจักรยานอากาศระดับโลกช่วยให้สวีเดนเอาชนะอังกฤษไป 4-2 การเปิดตัวของเด็กๆและเกมที่ 100 ของเจอราร์ดกร่อยไปเลย
เกมอุ่นเครื่องทีมชาติ
วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน 2555
สวีเดน 4 - 2 อังกฤษ
สนาม : เฟรนด์ อารีน่า
ประตู :1-0 อิบราฮิโมวิช น.19, 1-1 เวลเบ็ค น.35, 1-2 คอลเกอร์ น.38, 2-2 อิบราฮิโมวิช น.77, 3-2 อิบราฮิโมวิช น.85, 4-2 อิบราฮิโมวิช น.90+2
คลิปไฮไลท์ กระชับมิตรทีมชาติ สวีเดน 4-2 อังกฤษ
อังกฤษเดินทางเยือนสต็อคโฮมเพื่อลงอุ่นเครื่องกับทีมชาตสวีเดนโดยที่เกมนี้เป็นเกมที่ 100 ของเจอร์ราร์ดที่สู้รับใช้ทีมชาติมาอย่างยาวนานด้วย
นอกจากการฉลองของกัปตันทีมลิเวอร์พูลแล้ว ก็เป็นการประเดิมสนามนัดแรกของคอลเกอร์, ออสมันและสเตอร์ลิ่งอีกด้วย
"สิงโตคำราม" ถอนตัวไปหลายราย เลยจับเวลเบ็คที่เคยซัดประตูชัยพาทีมชนะในยูโร 2012 มา 3-2 แล้วยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
ด้านสวีเดนแน่นอนว่าจะต้องมีกัปตันทีมอย่างอิบราฮิโมวิชที่เพิ่งจะคว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของประเทศมาหยกๆ
คาลสตรอมและลาร์สสันคือนักเตะที่จะประมาทไม่ได้เลยในเกมนี้ เพราะนอกจากจะทำเกมแล้ว พวกเขาก็ลุ้นประตูได้ทุกเมื่อ
ครึ่งแรก
เกมสูสี ยังไม่พลาดให้เห็น
ผ่าน 10 กว่านาทีแรกไป เกมคู่นี้ยังไม่มีความแตกต่างโผล่ออกมาให้เห็นชัดเจนสักเท่าไหร่ นอกจากการที่อังกฤษดูลุยได้มากกว่าทางเจ้าบ้าน แต่ก็ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์ชัดเจน ส่วนสวีเดนลองส่องไกลไปรอบ ก็ได้แค่ลอง
โอกาสชัดก็ซัดเลย!อิบราจิ้มเสยคานบน
นาทีที่ 20 ลองบอลตั้งให้ยิงแบบนี้แล้วมีหรอที่จะพลาดสำหรับอิบราฮิโมวิช ในจังหวะที่สวีเดนตัดเกมบุกของอังกฤษในแดนของตัวเองได้ ก่อนที่จะสวนพรวดเดียวยาวไปทางซ้าย ตบกลับเข้ากลางให้อิบราฮิโมวิชวิ่งมาปาดยิงในเขตโทษ แม้ว่าจังหวะแรกจะโดนคอลเกอร์บล็อกไว้ได้แต่บอลมันไม่ไปไหน หอกปารีส แซงต์ แชร์แมงน์เลยจิ้มแบบเน้นๆอีกที บอลพุ่งเข้าไปเสยตาข่ายโคตรแรง หมดสิทธิ์ที่ฮาร์ทจะทำอะไร เจ้าบ้านนำไปก่อนแล้ว 1-0
สิงโตกลับไปครองต่อ
โดนนำไปแบบนี้ยังพยายามที่จะเล่นในเกมของตัวเองอยู่สำหรับอังกฤษที่ยังคงรูปเกมของตัวเองเอาไว้ แม้ว่าตามอยู่ 1-0 แต่ปัญหาคือตัวจี๊ดๆอย่างสเตอร์ลิ่งหรือยังนั้นได้บอลค่อนข้างน้อยหรือไม่พอได้แล้วก็โดนเข้าชาร์จเร็ว แทบไม่ได้พลิกอะไรเลย
เด็กฉลาดชาร์จเบาบางมาก
นาทีที่ 26 ถ้าโดนเต็มๆคงตีเสมอแน่เลย เมื่อจอห์นสันเติมขึ้นไปช่วยเกมรุก รองบอลนอกกรอบเขตโทษ ก่อนยิงบดๆไปเสาสอง แม้วิถีบอลจะลุ้นยาก แต่เคลฟเวอร์ลี่ย์ก็สอดตัวจากแผงกองหลังเข้าไปล้มตัวก่ะยิงตามน้ำ แต่ดันโดนซะเบาหวิว บอลเลยหลุดผ่านหน้าประตูไป
คุยกันบ้าง!หลังสิงโตไม่เข้าใจเกือบโดนอีก
นาทีที่ 32 น่าโดนอีกประตูสุดๆเลยสำหรับอังกฤษในจังหวะนี้ ที่สวีเดนได้เปิดบอลจากด้านข้างเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่แรกดูเหมือนจะไม่มีอะไรเพราะเกมรับ "สิงโตคำราม" น่าจะตัดได้ แต่กลายเป็นฮาร์ทกับเคฮิลล์ไม่สือสารกัน พุ่งเข้าหาบอลทั้งคู่แล้วชนกัน ยังดีที่จังหวะของราเนกีที่ได้ยิงเหน่งๆนั้นหวดพลาดหลุดข้ามคานออกไป
เล่นให้ผีไม่มีงี้นะ!พี่หนุ่ม-โก๋แดนประสานตีเจ๊า
อีก 3 นาทีต่อมา ตอนเล่นให้สโมสรไม่ยักก่ะมีจังหวะแบบนี้สำหรับทั้งสองคนเลย เมื่อยังมาแนวมาใหม่ไม่เลี้ยงตัดเข้าในแล้วค่อยเปิดเหมือนเคย แตะกระชากออกซ้ายแล้วเปิดบอลอย่างงาม พุ่งตัดผ่านกองหลังและผู้รักษาประตูไปเข้าเท้าของเวลเบ็คที่เข้าฮอสแบบเต็มๆ เกมเสมอ 1-1
ผมขอเกิดเกิดเกิด!คอลเกอร์ลงปุ้บเปิดซิงจ้า
นาทีที่ 38 บทจะได้ก็มาคู่กันเร็วเลยสำหรับประตูของอังกฤษ เมื่อพวกเขาพลิกกลับขึ้นมานำจากประตูของนักเตะทีเพิ่งประเดิมสนามนัดแรกอย่างคอลเกอร์ที่เติมไปเล่นลูกตั้งเตะ ชาร์จลูกเปิดอันเฉียบคมของเจอร์ราร์ดเข้าไปที่เสาสอง อังกฤษพลิก 2-1
ช่วงเวลาที่เหลือนอกจากโอกาสบิดตัวยิงแบบเบาๆของอิบราฮิโมวิชนั้นก็ไม่มีอะไรให้ได้ลุ้นมากนัก จบ 45 นาทีแรก อังกฤษพลิกนำ 2-1 แต่จะมีพลิกอีกรอบไหมเดี๋ยวมาดูกันในครึ่งหลัง
ครึ่งหลัง
สิงโตกลับลงมาคึกจุงเบย
เริ่มเกมครึ่งหลัง เป็นอังกฤษฝ่ายเดียวเลยที่ลุยใส่สวีเดน ไล่ตั้งแต่โอกาสของออสมันที่ได้บริเวณเขตโทษรวมทั้งลูกยิงไกลส่ายนมเยอะๆเจอร์ราร์ดที่น่าลุ้น แต่ยังไม่ผ่านมืออีซัคส์สันทั้งคู่
เริ่มเปลี่ยนตัวกันใหญ่
นาทีที่ 62 มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันเรื่อยๆสำหรับทั้งสองทีม โดยเฉพาะอังกฤษที่ถอดเอาทั้งเคลฟเวอร์ลี่ย์และยังออก ก่อนจะส่งสเตอร์ริดจ์กับวิลเชียร์ที่แม้ว่าจะเจ็บไปนาน แต่ก็ให้มาเล่นซะอย่างนั้น
หัวขิงกังฟูคิกซะเลย
นาทีที่ 66 ไม่รู้จะใช้ท่าไหนยิงแล้วหมือนกันสำหรับเจอร์ราร์ดในจังหวะที่บอลมันทะลักออกมาที่แถวสองเข้าทางเขาพอดี แต่ดันเด้งลอยมาซะสูง เลยจำเป็นต้องกระโดดแล้วสะบัดขายิงแบบวิชากังฟู ซึ่งผลก็ออกมาตามคาด หลุดกรอบออกไป ยากเหมือนกันนะลูกนี้
ไวกิ้งได้ลองลุยคืนบ้าง
หลังจากโดนกดอยู่พักใหญ่ สวีเดนก็ได้บุกขึ้นมาเพื่อลุ้นประตูคืนบ้าง แต่จะว่าลุ้นประตูก็ไม่ได้ซะทีเดียว เพราะพวกเขาหาช่องเจาะแนวรับของอังกฤษที่ยืนลงไปแพ็คกันแน่นไม่ได้เลย
สิงโตเปลี่ยน 3 ตัวรวดเลย
นาทีที่ 75 เปลี่ยนทียกเซ็ตกันเลยทีเดียวสำหรับอังกฤษ เมื่อถอดเอาทั้งคอลเกอร์ที่ทำประตูได้, จอห์นสันและเจอร์ราร์ดออกไปพัก ก่อนจะส่งชอว์ครอสส์, เจนกินสันและฮัดเดิลสตันลงไปเล่นแทน ตอนนี้เป็นสิงโตพลังหนุ่มไปซะแล้ว
นี่ละเขา!อิบราพักแล้ววอลเล่ย์โคตรงาม
นาทีที่ 77 สวีเดนมาทำประตูตีเสมอเอาคืนจนได้จากฝีเท้าอันสุดยอดของอิบราฮิโมวิชที่จัดเบิ้ล ในจังหวะเพื่อนยกบอลข้ามกองหลังไปให้เขาหลุดเข้าไปในเขตโทษ พักบอลก่อนหนึ่งจังหวะแล้วซัดทันที บอลแม้จะโดนมือของฮาร์ทแต่เอาไม่อยู่ทะลุเข้าประตูไป เกมเสมอกัน 1-1
จังหวะนี้อิบราฮิโมวิชโชว์หล่อ เพราะยิงเสร็จเขาไม่ฉลองประตูเลย แต่ไปดูอาการของเคฮิลล์ที่วิ่งมาปะทะกันในจังหวะยิงก่อนแล้วค่อยเฮฮากับเพื่อนต่อ
เกมออกได้สองหน้าเลย
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย พอเสมอกันแบบนี้แล้วจะออกหัวหรือก้อยก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เพียงแต่สวีเดนดูจะมีลุ้นกว่าหน่อย เพราะตอนนี้โมเมนตั้มหล่นไปอยู่ฝั่งของพวกเขาแบบเต็มๆ
ชาบูกันซะ!อิบราซัดฟรีคิกแฮทริกสุดคม
นาทีที่ 84 นี่สิเรียกว่าตัวเทพของจริงสำหรับอิบราฮิโมวิชที่จัดแฮทริกต่อหน้าแฟนบอลในสนามใหม่ด้วยการยิงฟรีคิกสุดเทพ ส่งบอลเลียดพุ่งผ่านกำแพงและฝูงนักเตะเข้าไปเสียบเสาที่แม้ว่าฮาร์ทจะยืนปิดอยู่แต่ก็ไม่ทัน สวีเดนพลิกขึ้นมานำอีกรอบ 3-2
เอาซะขนลุก!อิบราระดับโลกซัดเม็ด 4
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเป็นอะไรที่สุดยอดเอามากๆสำหรับอิบราฮิโมวิช เมื่อเขามาทำประตูสุดเวิลด์คลาสจากจังหวะที่ฮาร์ทออกมาโหม่งตัดบอล แต่ลอยออกไปไม่ไกลเท่าไหร่ ทำให้อิบราฮิโมวิชจ้องเล็ง ก่อนกระโดดกึ่งจักรยานอากาศส่งบอลโด่งลยโค้งก่อนดิ่งเสียบใต้คานสุดสวยจริงๆ สวีเดนซัด 4-2 ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าจบเกมไปด้วยสกอร์นี้
นี่ถือว่าเป็นการล้างแค้นสำหรับสวีเดนที่พ่ายอังกฤษมาในเกมยูโร 2012 แบบเด็ดขาดมากจริงๆ
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
สวีเดน : อันเดรียส อีซัคส์สัน, มิคาเอล ลุสติค(ซาน่า น.73), โยนาส โอลส์สัน, อันเดรียส กรานวิสต์(อันทอนสัน น.73), มาร์ติน โอลส์สัน(ซาฟารี น.45), ราสมุส เอล์ม, เซบาสเตียน ลาร์สสัน(แยนสัน น.86), คิม คาลสตรอม(สเวนสัน น.61), อเล็กซานเดอร์ คากานิกลิช, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช , มาเธียส ราเนกี(เวิร์นบลูม น.90)
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : พาร์ แฮนส์สัน, ซามูเอล โฮลแมน, มาร์คุส เบิร์ก, ยิโลน ฮามาด
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, เกล็น จอห์นสัน(เจนกินสัน น.75), เลจ์ตัน เบนส์, แกรี่ เคฮิลล์, สตีเว่น คอลเกอร์ (ชอว์ครอสส์ น.74), สตีเว่น เจอร์ราร์ด(ฮัดเดิลสตัน น.75), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง(ซาฮา น.85), ลีออน ออสมัน, แอชลี่ย์ ยัง(สเตอร์ริดจ์ น.61), แดนนี่ เวลเบ็ค , ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์(วิลเชียร์ น.62)
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : จอห์น รัดดี้, เฟรเซอร์ ฟอสเตอร์, ไรอัน เบอร์ทรานด์