ข่าว 7 เรื่องที่ต้องรู้หลังเกม ลิเวอร์พูล เฉือนหืด เบิร์นลีย์ 2-1 พรีเมียร์ลีก 13 มี.ค. 2017

สังเกตได้ว่าจังหวะสุดท้ายในการทำประตูของแนวรุกวันนี้ดูขาด ๆ เกิน ๆ อาจเป็นเพราะว่าไม่มีดาวยิงคนสำคัญอย่าง โรเบิร์ตโต ฟิร์มิโน ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ก็เป็นได้ การส่งบอลดูและการประสานงานกันในแดนหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติ และในบางครั้งยังเล่นมากจังหวะเกินไปหน่อย

จากจังหวะประตูแรกที่เสียตั้งแต่ในนาทีที่ 7 นั้น คลาวาน, มาติป และ ไคลน์ รับผิดชอบไปเต็ม ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในรายของ น้าหงา ด้วยแล้วถือว่าตามสปีดของเกมไม่ทันเลยจริง ๆ ในหลาย ๆ ครั้งไม่สามารถเก็บบอลจังหวะสองได้ และที่สำคัญเกมรับวันนี้เกือบทำให้ทีมพลาดเก็บ 3 แต้มอีกด้วย

เปิดมุมในเกมนี้ยังทำไม่ค่อดี ส่วนใหญ่จะใช้ทาง คูตินโญ เป็นคนเปิดเข้าไปลุ้นประตูทั้งซ้ายและขวา แต่ผู้เล่น หงส์แดง ในกรอบเขตโทษนั้นไม่ค่อยได้มีโอกาสโหม่งเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเพราะ คูตี้ เองก็เปิดบอลขาดหรือเกินอยู่หลาย ๆ ครั้ง

ก่อนหน้านี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกมาบอกว่าจะขอดูฟอร์ม เอ็มเร ชาน ไปจนถึงจบฤดูกาลแล้วจะตัดสินใจว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ มาในเกมนี้ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดีเลยทีเดียว ทั้งมีชื่อในผู้ทำสกอร์และเป็นประตูสำคัญให้ทีมเก็บ 3 แต้ม อีกทั้งยังเกือบได้อีก 1 แอสซิสต์ให้กับ มาเน อีกด้วย เชื่อว่าถ้าเกมต่อ ๆ ไปเล่นได้แบบนี้ล่ะก็โอกาสที่ เมสซี ชาน จะได้อยู่กับ หงส์แดง ยาว ๆ มีสูงเลยทีเดียว

ลูกยิงของเขาก่อนหมดเวลาในครึ่งแรกนั้นทำให้ คล็อปป์ ไม่ต้องเปลี่ยนแท็คติกอะไรมากมายเหมือนหลาย ๆ เกมที่เจอกับทีมอันดับต่ำกว่าและก็พลาดเก็บ 3 คะแนนไปในที่สุด หาก 'กระดุม' ไม่ได้ทำประตูนั้นล่ะก็ เชื่อว่าครึ่งหลัง หงส์แดง ต้องเหนื่อยมากกว่านี้แน่นอน และอาจจะต้องแบ่งคะแนนให้ทีมเยือนหรือเสียหายที่สุดก็คือแพ้ไปเลยนั่นเอง

จะสังเกตได้ว่า หงส์แดง จะไม่ค่อยมีการทำประตูลูกยิงไกลมากเท่าไหร่ ที่จำได้ติดตาก็เป็นตอนที่ เฮนเดอร์สัน ยิงกับ เชลซี เมื่อตอนต้นฤดูกาล แต่ล่าสุดก่อนลูกยิงของชานวันนี้ ลิเวอร์พูล เคยทำได้ก่อนหน้านั้นในวันที่ 4 ธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่ง ชาน คนนี้แหละเป็นผู้ที่ทำประตูจากลูกยิงไกลในเกมกับ บอร์นมัธ ซึ่งในนัดนั้น หงส์แดง ได้แพ้ไป 3-4 นั่นเอง

ชัยชนะในวันนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล มี 55 แต้ม อยู่ในอันดับที่ 4 มากกว่าอันดับที่ 5 และ 6 อย่าง อาร์เซนอล และ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ 5 และ 6 คะแนน แต่แข่งมากกว่าถึง 2 เกมด้วยกัน แต่ก็ตามหลัง แมนฯ ซิตี้ และ สเปอร์ส แค่ 1 แต้ม โดยที่แข่งมากกว่า 1 นัด ถือว่าเป็นการกดดันคู่ต่อสู้ทั้ง 4 ตำแหน่งบนและล่างไปในตัวอีกด้วย