ข่าว 5 เรื่องควรรู้ !!! หลังเกม ราชันชุดขาว เปิดบ้านชนะ เปแอสเช 3-1 ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 15 ก.พ. 2018

แม้ว่าฟอร์มในฤดูกาลนี้ของ คริสเตียโน โรนัลโด้ จะดร็อปลงไปจากเดิมมากโข แต่สตาร์ โปรตุกีส ก็ยังไว้ลายในเกมเมื่อคืนนี้ โอกาสหลายครั้งที่หลุดลอยไปในครึ่งแรกอาจทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย บวกกับอาการหัวเสียอย่างเห็นได้ชัดเมื่อไม่สามารถจบสกอร์ได้ 

กลายเป็น เนย์มาร์ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้เล่นที่ตัดสินเกมนี้ แต่ท้ายที่สุด ประตูจากลูกจุดโทษตีเสมอให้กับทีมในท้ายครึ่งแรกก็ราวกับจะปลุก โรนัลโด้ คนเดิมให้กลับมาได้ ก่อนที่เขาจะยิงประตูขึ้นนำให้ ราชันชุดขาว ในช่วงท้ายเกม

ประเด็นการขับเคี่ยวกันระหว่างคีย์แมนของทั้งสองทีมถูกโหมโรงตั้งแต่ก่อนการแข่งขัน และ โรนัลโด้ ก็เป็นฝ่ายกำชัยไปได้ในยกแรกที่ ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว

เนย์มาร์ เป็นหัวใจสำคัญในการบุกของทีมเยือนจากสถิติเป็นนักเตะในแนวรุกของ เปแอสเช ที่สัมผัสบอลมากที่สุดกับจำนวน 86 ครั้ง เสียงโห่กดดันในรังเหย้าของ ราชันชุดขาว ไม่สามารถสร้างปัญหาให้แก่เขาได้เมื่อเจ้าตัวงัดทริคการเล่นอันยอดเยี่ยมออกมาโชว์ได้เป็นระยะ 

ส่วน โรนัลโด้ ที่เริ่มต้นเกมอย่างที่เขาไม่พอใจตนเองนักเมื่อพลาดโอกาสทองไปหลายต่อหลายครั้งกลายเป็นคนที่สมใจกว่าเมื่อจบเกม กับวัย 33 ปีและวิธีการเล่นที่เราไม่ค่อยได้เห็นการใช้สปีดต้นกระชากพาบอลหนีคู่แข่งบ่อยนักเหมือนแต่ก่อน ดาวเตะ โปรตุเกส ใช้เซนส์การหาพื้นที่อันตรายและวิญญาณเพชฌฆาตเอาชนะเทคนิคแพรวพราวของแข้ง บราซิล ไปได้

เครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ๆ ผุดขึ้นมาทันทีเมื่อรายชื่อ 11 ตัวจริงของฝั่ง ปารีสฯ ออกมา นักเตะอย่าง ติอาโก้ ซิลวา มีชื่อแค่เพียงบนม้านั่งสำรอง แม่ทัพของพวกเขาเลือกที่จะใช้บริการกองหลังวัย 22 ปีอย่าง เปรสเนล คิมเป็มเบ้ จับคู่กับ มาร์ควินญอส แทน ขณะที่ในแดนกลางก็มีชื่อของ จิโอวานนี โล เซลโซ ดาวรุ่งชาว อาร์เจนไตน์ ทั้งที่พวกเขาเพิ่งจะเซ็นสัญญากับ ลาสส์ ดิอาร์รา มาเมื่อตลาดเดือนมกราคมที่ผ่านมาและมีสิทธิ์ลงเล่นในเกมนี้ได้

ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ความสดของนักเตะอายุน้อยเข้าสู้หรืออะไรก็ตามแต่ ทว่าการเดิมพันของเขากลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แม้ความผิดพลาดของ คิมเป็มเบ้ จะไม่ถูกลงโทษ แต่สำหรับ โล เซลโซ นับว่าดาวรุ่งรายนี้พลาดอย่างมหันต์เมื่อไปคว้า โทนี โครส ล้มลงในกรอบเขตโทษเป็นเหตุให้เสียลูกจุดโทษและประตูตีเสมอในที่สุด

ซีเนดีน ซีดาน กุนซือ เรอัล มาดริด เลือกที่จะปรับผู้เล่นในแนวรุกหลังผ่านครึ่งทางของครึ่งหลัง เริ่มจากส่ง แกเร็ธ เบล ลงมาแทนที่ คาริม เบนเซมา ที่วันนี้แทบจะไม่มีบทบาทใดๆ เลย ตามด้วยการหวังบุกอย่างเต็มตัวโดยเลือกใช้สองแข้งในเกมบุกอย่าง ลูคัส บาสเกวซ กับ มาร์โก อเซนซิโอ ลงมาแทน คาเซมิโร และ อิสโก้

ประตูที่ 2 ของทีมจาก โรนัลโด้ อาจไม่เห็นผลพวงจากการเปลี่ยนตัวดังกล่าวชัดเจนนัก แต่ประตูที่ 3 นั้นเกิดจากการตัดสินใจของนายใหญ่ ราชัดชุดขาว อย่างชัดเจนเมื่อแผนการเล่น 4-2-4 ทำให้พวกเขาสามารถโอเวอร์โหลดพื้นที่ริมเส้นฝั่งซ้ายได้จนทำให้แนวรับของ เปแอสเช ไล่ไม่จน และสุดท้ายเป็น มาร์เซโล ที่เติมขึ้นไปจบสกอร์อย่างสวยงาม

• ประตูแรกของ โรนัลโด้ ในเกมนี้ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูใน แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ 1 สโมสรแตะหลัก 100 ประตูจากการลงเล่น 95 นัด (ลิโอเนล เมสซี 80 ประตู)
• 2 ประตูในเกมนี้ทำให้เขายิงประตูใน ยูซีแอล มากกว่า 10 ประตูติดต่อกันมา 7 ฤดูกาลเข้าไปแล้ว (เมสซี 4, ฟาน นิสเตลรอย 2)
• สถิติการลงเล่นของ โรนัลโด้ กับ เรอัล มาดริด จนถึงวันนี้เมื่อรวมทุกรายการ 423 เกม, 428 ประตู และ 117 แอสซิสต์