โดนแซงสไตล์!หงส์นำก่อนแพ้อูดิฯคาบ้าน 3-2
อาถรรพ์แอนฟิลด์ยังหลอกหลอนเดอะ ค็อปต่อไปหลัง"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลอุตสาห์ปลุกขวัญขึ้นนำอูดิเนเซ่ตั้งแต่ต้นเกมสุดท้ายแผ่วถูกยิงแซงรวดเดียวแพ้ 3-2 เงิบงาบกันไปในศึกยูโรป้า ลีก
ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ
วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม 2555
ลิเวอร์พูล 2-3 อูดิเนเซ่
สนาม : แอนฟิลด์
ประตู : 1-0 จอนโจ้ เชลวี่ย์ น. 23, 1-1 อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ น. 46, 1-2 เซบาสเตียน โคอาเตส (ทำเข้าประตูตัวเอง) น. 70, 1-3 โจวานนี่ ปาสกวาเล่ น. 71, 2-3 หลุยส์ ซัวเรซ น. 73
คลิปไฮไลท์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ลิเวอร์พูล 2-3 อูดิเนเซ่
เบรนแดน รอดเจอร์สดูเหมือนจะเอาจริงขึ้นมาหน่อยโดยจัดนักเตะตัวหลักลงสนามลงสนามอย่างเปเป้ เรน่าที่ได้โอกาสเฝ้าเสารายการนี้เป็นครั้งแรกขณะที่เกล็น จอห์นสันได้กลับไปประจำการแบ็กขวาและวางโจ อัลเลนคุมเกมกลางสนามร่วมกับจอนโจ้ เชลวี่ย์ที่ไม่ติดโทษแบนในถ้วยยุโรปและจอร์แดน เฮนเดอร์สัน
ส่วนแนวรุกนั้นเป็นโอกาสของอุสซามะ อัสไซดี้ลากเลื้อยด้านซ้ายปล่อยให้สจ๊วร์ต ดาวนิ่งคอยป่วนด้านขวาและมีฟาบิโอ บอรินี่คอยหาจังหวะจบหน้าปากประตูขณะที่ซุ้มม้านั่งสำรองนั้นมีชื่อของสตีเว่น เจอร์ราร์ด, นูริ ซาฮินและหลุยส์ ซัวเรซไว้คอยส่งลงมาแก้สถานการณ์เช่นกัน
ด้านทีมเยือนนั้นฟรานเชสโก้ กุยโดลินขนทัพใหญ่ลงสนามเช่นกันพร้อมส่งอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่หัวหอกกัปตันทีมตัวอันตรายลงสนามไล่ล่าตาข่าย"หงส์แดง"
ครึ่งแรก
เปิดเกมขึ้นมาในช่วง 10 นาทีแรกทั้ง 2 ทีมได้ลุ้นทำประตูขึ้นนำจากจังหวะเตะมุมทั้งคู่เริ่มจากเซบาสเตียน โคอาเตสได้โขกเหน่งๆตรงบริเวณจุดโทษแต่เซลจ์โก้ เบอร์คิชล้มตัวเซฟเอาไว้ได้ก่อนเตะทิ้งพ้นปากประตู
เกมผ่านมาถึงนาทีที่ 14 อูดิเนเซ่ได้ลุ้นประตูออกนำอย่างที่สุดในจังหวะฟรีคิกบริเวณริมเส้นด้านซ้ายเป็นอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่เปิดบอลโค้งเข้าไปปากประตูให้เมห์ดี้ เบนาเตียโหม่งระยะเผาขนแต่เปเป้ เรน่ายังไวทายาทล้มตัวปัดออกหลังได้อย่างเหลือเชื่อ
จังหวะต่อเนื่องเบนาเตียได้ลุ้นอีกแล้วและเป็นดิ นาตาเล่คนเดิมที่เปิดลูกเตะมุมเข้ามาหน้าปากประตูให้เบนาเตียก้มลงโหม่งบอลแต่กองหลังของลิเวอร์พูลยังเคลียร์ทิ้งไปได้ทัน
ฟาบิโอ บอรินี่ที่วันนี้ยืนค้ำแดนหน้าอยู่คนเดียวได้จังหวะล็อกบอลหลบ 2 กองหลังของทีมเยือนก่อนตวัดเลียดด้วยซ้ายแต่บอลเลยออกเสาไกลไปนาทีที่ 17
เข้าสู่นาทีที่ 22 จอนโจ้ เชลวี่ย์แผลงฤทธิ์จนได้เมื่อได้บอลกลางสนามก่อนป้ายไปให้สจ๊วร์ต ดาวนิ่งริมเส้นด้านขวาซึ่งปีกตีนซ้ายก็เปิดบอลกลับเข้ามายังจุดนัดพบอย่างเหมาะเจาะให้เชลวี่ย์วิ่งเข้ามาโถมโหม่งตุงตาข่ายอย่างสวยงามเป็นประตูขึ้นนำให้เจ้าถิ่น
หลังจากได้ประตูขึ้นนำลิเวอร์พูลยังคงครองเกมได้เหนือกว่าโดยอาศัยการทำชิ่งสั้นๆ และเน้นขึ้นเกมด้านฝั่งซ้ายที่มีอุสซามะ อัสไซดี้คอยลายเลื้อยเป็นหลักแต่ก็ยังไม่อาจหาจังหวะยิงแบบถนัดถนี่ได้มากเท่าไหร่
มาถึงนาทีที่ 38 จอนโจ้ เชลวี่ย์คนเดิมได้โอกาสหาจังหวะส่องประตูหน้าปากเขตโทษแต่บอลไปโดนกองหลังของอูดิเนเซ่แหย่เท้าบล็อกเอาไว้ทำให้ลูกปลิ้นออกหลังประตูไป
เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายสจ๊วร์ต ดาวนิ่งลากบอลตัดเข้ามากลางสนามก่อนโดนทำฟาวล์ล้มลงและเป็นเจ้าตัวที่ลุกขึ้นมาปั่นบอลด้วยซ้ายหมายเอาประตูแต่บอลยังไปติดกำแพงลอยโด่งออกหลังไปแบบไม่ได้ลุ้น
ครึ่งหลัง
เริ่มครึ่งหลังได้เพียง 30 วินาทีเกล็นจอห์นสันจับบอลไม่ดีทำให้โดนฉกไปได้บอลเลยมาถึงอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่แทงไปให้อันเดรีย ลาซซารี่บริเวณเส้นหลังด้านซ้ายก่อนตบเข้ามากลางประตูให้ดิ นาตาเล่วิ่งเข้ามายิงแบบไม่ต้องจับบอลพุ่งผ่านมือเปเป้ เรน่าเป็นประตูตีเสมอให้ทีมเยือนอย่างสวยงาม
ฟรานเชสโก้ กุยโดลินแก้เกมมาได้ดีเหลือเกินทำให้อูดิเนเซ่ได้บอลบุกพับสนามใส่เจ้าถิ่นเป็นส่วนใหญ่ในช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลังทั้งที่ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับในช่วงครึ่งแรกแต่ก็ยังไม่มีโอกาสจบมากเท่าไหร่
มาถึงนาทีที่ 60 สจ๊วร์ต ดาวนิ่งได้เลี้ยงบอลหลบกองหลังอูดิเนเซ่เข้ากรอบเขตโทษก่อนฝากบอลให้ฟาบิโอ บอรินี่ทำชิ่งเบาเกินไปทำให้กองหลังทีมเยือนเตะสกัดไปโดนปีกทีมชาติอังกฤษบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
เบรนแดน รอดเจอร์สเห็นท่าไม่ดีจัดการส่งสตีเว่น เจอร์ราร์ดและหลุยส์ ซัวเรซ 2 กำลังหลักลงสนามมาแก้เปมแทนอุสซามะ อัสไซดี้ที่หายไปเลยในครึ่งหลังและจอร์แดน เฮนเดอร์สันที่แทบไม่มีบทบาทเช่นกันในนาทีที่ 64
ลิเวอร์พูลได้ลุ้นประตูขึ้นนำอีกครั้งจากจังหวะที่เจอร์ราร์ดเปิดฟรีคิกริมเส้นด้านขวาไปหน้าปากประตูให้หลุยส์ ซัวเรซกระโดดเอี้ยวตัววอลเลย์บอลผ่านมือของเบอร์คิซไปแล้วแต่ดันไปติดน่องของเชลวี่ย์ที่พยายามตามซ้ำบอลบริเวณเส้นประตูบอลกระดอนออกมาเสียอย่างนั้นในนาทีที่ 69
ถัดจากนั้นนาทีเดียวอันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ได้เปิดฟรีคิกนอกเขตโทษด้านซ้ายมากลางประตูและเป็นเซบาสเตียน โคอาเตสที่ขึ้นแย่งโหม่งกับ 2 นักเตะอูดิเนเซ่ก่อนบอลจะมาโดนหัวของปราการหลังอุรุกวัยเข้าประตูไปหน้าตาเฉยมาถึงตอนนี้ทีมจากอิตาลีขึ้นนำแล้ว 2-1
หลังเสียประตูขึ้นนำลิเวอร์พูลปั่นป่วนหนักในจังหวะที่ดิ นาตาเล่จับบอลในเขตโทษแต่หาจังหวะยิงไม่ได้แต่เหลือบไปเห็นโจวานนี่ ปาสกวาเล่แบ็กซ้ายห้อขึ้นมาอย่างรวดเร็วจึงตัดสินใจส่งบอลไปให้ซึ่งปาสกวาเล่ก็อัดด้วยซ้ายเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งเป็นจรวดผ่านมือของเรน่าเสียบตาข่ายแบบสุดงาม
เกมมายิงกันสนั่นอีกครั้ง"หงส์แดง"มาทวงประตูตีตื้นได้อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่หลุยส์ ซัวเรซได้ลองส่องฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษด้านซ้ายซึ่ง"หม่อมเหยิน"บรรจงปั่นบอลไซร้ด้วยขวาบอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมเสาแรกไปแบบที่เบอร์คิซหมดสิทธิ์ป้องกัน
เจ้าถิ่นโหมบุกหนักและเกือบได้ประตูตีเสมออย่างที่สุดในจังหวะที่ซัวเรซรับบอลยาวจากกลางสนามก่อนที่จะพยายามยิงบอลแต่ดันโดนเบอร์คิซออกมาบล็อกได้ก่อน
"หงส์แดง"โหมบุกอย่างหนักและเป็นซัวเรซที่เลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนก้มหน้าก้มตายิงยัดไปที่เสาแรกแต่เบอร์คิซยังปิดมุมได้ดีทิ้งตัวปัดบอลออกหลังไปได้ในนาทีที่ 85
ถัดมานาทีเดียวเกล็น จอห์นสันหลุดเข้าเขตโทษด้านขวาก่อนตบบอลมาให้ราฮีม สเตอร์ลิ่งที่ยืนรออยู่ตวัดยิงด้วยขวาเต็มข้อแต่กองหลังของอูดิเนเซ่พุ่งเข้ามาบล็อกทันรอดตายไปอีกครั้ง
สจ๊วร์ต ดาวนิ่งได้จังหวะสับไกนอกกรอบเขตโทษด้วยอีซ้ายข้างถนัดแต่ก็ยังไปเข้ามือของเบอร์คิซ เจ้าถิ่นยังโหมบุกหนักแต่เจาะยังไงก็ยังไม่เข้าเสียทีทำให้จบเกมด้วยการปราชัยคาถิ่นแอนฟิลด์ 3-2 ตกไปอยู่อันดับ 3 ของตารางมีคะแนนตามอันชิกับอูดิเนเซ่ 1 แต้ม
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :
ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 6, เกล็น จอห์นสัน 5, เซบาสเตียน โคอาเตส 5, เจมี่ คาร์ราเกอร์ 6,แจ็ค โรบินสัน 6, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6 (สตีเว่น เจอร์ราร์ด 6 น. 64), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 7, โจ อัลเลน 7, จอนโจ้ เชลวี่ย์ 7 , อุสซามะ อัสไซดี้ 6 (หลุยส์ ซัวเรซ 7 น. 64), ฟาบิโอ บอรินี่ 6 (ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 6 น. 79)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แบรด โจนส์, มาร์ติน สเคอร์เทล, อันเดร วิสดอม, นูริ ซาฮิน
อูดิเนเซ่ : เซลจ์โก้ เบอร์คิช 5, ดานิโล่ 6, ดาวิเด้ ฟารัวนี่ 6 , เมาริซิโอ โดมิซซี่ 6, เมห์ดี้ เบนาเตีย 6 , โจวานนี่ ปาสกวาเล่ 7 , ปาโบล อาร์เมโร่ 4 (อันเดรีย ลาซซารี่ 7 น. 46), เอ็มมานูเอล บาดู อักเยมาง 5, จามปิเอโร่ ปินซี่ 6 (เฟอร์นานเดส วิลเลี่ยนส์ 6 น. 70), อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ 8 (แมธ ราเนกี้ น. 85), โรเบอร์โต้ เปเรย์ร่า 6
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ดานิเอเล่ ปาเดลลี่, อันเดรีย โคด้า, โธมัส ฮัวร์ท็อกซ์, ดีเอโก้ แฟบบรินี่