ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านชนะ แมนยู 3-1 พรีเมียร์ลีก 17 ธ.ค. 2018
แม้จะไม่เดือดอย่างที่เคยเป็น แต่สุดท้ายเกมที่ แอนฟิลด์ ก็มีสกอร์เกิดขึ้นถึง 4 ลูกด้วยกัน โดยเป็น 2 ประตูขอ เซอร์ดาน ชากิรี ในครึ่งหลังที่พสพวกเขาเก็บ 3 แต้มได้ก่อนในเกมแดงเดือดนัดแรกของฤดูกาล
ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อคืนนี้
5. คริส สมอลลิง ไม่ไหว
แม้ว่าจะประกาศออกมาก่อนหน้านี้ว่ามีนักเตะเจ็บถึง 9 ราย แต่ 4 จาก 5 คนดังกล่าวถูกประกาศก่อนเกม 1 ชั่วโมงว่าจะได้ลงเป็นตัวจริง ซึ่งเป็นกองหลังทั้งหมด ได้แก่ คริส สมอลลิง, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, ดิโอกู ดาโลต์ และ มัตเตโอ ดาร์เมียน อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วมีเพียงแค่ 3 รายหลังเท่านั้นที่ได้ลงสนาม โดย คริส สมอลลิง โดนถอดออกไปในช่วงไม่กี่นาทีก่อนเกมเริ่ม
ทางทวิตเตอร์ทางการของสโมสรประกาศว่าพวกเขาจำเป็นต้องเรียก เอริค ไบญี ที่ตอนแรกเป็นตัวสำรองให้ลงมาเล่นเป็นตัวจริงแทน คริส สมอลลิง เนื่องจากเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บขณะวอร์มอัพ ในขณะที่ ฟิล โจนส์ ถูกเติมขึ้นมาบนม้านั่งสำรองแทน งานนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า สมอลลิง จะเจ็บยาวต่อเลยหรือไม่
4. ลินเดเลิฟ สร้างความแตกต่าง
แม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน โชเซ มูรินโญ จะบอกว่าแนวรับชาวสวีเดนยังไม่หายเจ็บดี แต่เมื่อเกมสำคัญมาถึง โค้ชชาวโปรตุเกสก็เลือกเอา ลินเดเลิฟ คุมแนวรับของทีม ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว เมื่อเขาสามารถหยุดความน่ากลัวของ โมฮาเหม็ด ซลาห์ ไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง และยังรวมไปถึงการบล็อกลูกยิงของ ฟีร์มิโน ในเขตโทษอีกด้วย
น่าเสียดายที่ทีมของเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกมนี้
3. ไคลน์ กลับมาเป็นตัวจริง
ถือว่าทำผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจสำหรับ นาธาเนียล ไคลน์ เมื่อเขาช่วยให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะในเกมแดงเดือดหนแรกของฤดูกาลด้วยสกอร์ 3-1 และกลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง
นับได้ว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับอดีตแบ็คขวาตัวจริง ลิเวอร์พูล และทีมชาติ อังกฤษ เมื่อเขาห่างหายจากสนามหญ้าไปนานตั้งแต่ 7 เดือนที่แล้วในเกมกับเชลซีและเกมนี้ยังเป็นเกมนัดที่ 6 ของเขาเท่านั้น (ตัวจริงนัดที่ 2) ในรอบ 2 ฤดูกาลล่าสุด ซึ่งผลงานของเขาก้ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เมื่อสามารถจัดการกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แอชลีย์ ยัง แบบพอเอาตัวรอดได้ และมีโอกาสเติมเกมรุกอยู่บ่อยครั้งไม่เหมือนคนที่เจ็บไปนาน
2. ชากิรี ตัวเปลี่ยนเกม
เป็นอีกครั้งที่ เซอร์ดาน ชากิรี สร้างความแตกต่างให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล ได้ มิดฟิลด์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ลงสนามมาในนาทีที่ 70 และอีกเพียง 3 นาทีเท่านั้นก็ทำประตุไขึ้นนำให้กับทีมได้ทันที ก่อนที่จะมาเบิ้ลประตูที่ 2 โดยใช้เวลาในสนามทั้งหมดเพียง 10 นาทีเท่านั้น เร็วยิ่งกว่า ซาดิโอ มาเน่ เสียอีก
ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้วสำหรับ ชากิรี เมื่อเขาสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ทั้งในฐานะตัวจริงและตัวสำรอง และ 2 ประตูในเกมนี้ก็ทำให้เขายิงเพิ่มเป็น 5 ประตูเข้าไปแล้วจากการลงเล่น 626 นาทีใน พรีเมียร์ลีก (ประมาณ 7 เกม)
1. ยูไนเต็ด ยังมีเรื่องให้ชม แม้จะเล่นน่าเกลียดในสายตาแฟนบอล
เพื่อความแฟร์กับนักเตะทีมเยือน แม้ว่าพวกเขาอาจจะเล่นเกมรับแบบอุดจนดูไม่สมศักดิ์ศรีเกมแดงเดือด แต่อย่างน้อยรถบัสของพวกเขาก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อสามารถยันเสมอกับ ลิเวอร์พูล ได้นานกว่า 70 นาที และแทบไม่มีความผิดพลาดให้เห็นนอกจากประตูแรกที่เสียไปเท่านั้น
โชเซ มูรินโญ ลงทุนตั้งเกมรับแบบเต็มกำลังด้วยการเรียกนักเตะที่เจ็บกลับมาเกือยทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ ลินเดเลิฟ, ดาร์เมียน และ ดาโลต์ และเมื่อผนวกกับ มาติช, ยัง และ ไบญี พวกเขาก็สามารถอุดประตูได้เกือบสมบูรณ์แบบ
ความผิดพลาดของ ยัง ที่เลินเล่อปล่อยให้ มาเน เข้าเขตโทษได้แทบจะเป็นครั้งเดียวจริง ๆ ที่พวกเขาพลาด เมื่อ ลินเดเลิฟ และ ไบญี ต่างงัดฟอร์มโคตรสุดยอดออกมาสกัดทีมเกมรุกของ หงส์แดง จนไปไม่เป็น การยิงเกิน 10 ครั้งในครึ่งแรกของพวกเขาแทบไม่เป็นผลเลยหากไม่นับลูกที่ได้ประตู และส่วนมากก็เป็นการยิงติดบล็อคของแนวรับ ยูไนเต็ด เป็นส่วนใหญ่
ครึ่งหลังก็ยังไม่วายเป็นแบบเดิม เมื่อ ลินเดเลิฟ, ยัง และ ไบญี เป็นหัวใจหลักในการสกัดบอลไม่ให้สามประสานทำเกมเข้ามายิงแบบง่าย ๆ จนกระทั่ง ชากิรี ลงมาในสนามในนาทีที่ 70 นั่นแหละ ลิเวอร์พูล จึงปลดล็อคสถานการณ์ที่น่าอึดอัดได้สำเร็จ แถมยังเป็นการยิงแฉลบทั้ง 2 ครั้งอีกด้วย (ลูกแรกไม่น่าตรงกรอบถ้าไม่แฉลบ ส่วนลูกที่สองไม่น่าพ้นเซฟของ เด เคอา)
น่าสนใจมากทีเดียวว่าถ้าไม่มี ชากิรี ในเกมนี้ นักเตะ หงส์แดง คนอื่น ๆ จะสามารถพาทีมเก็บชัยชนะได้หรือไม่ เพราะถึงแม้ ยูไนเต็ด จะทำเกมรุกไม่ได้เรื่อง แต่เกมรับของพวกเขาก็สู้กันยิบตาจริง ๆ ทำเอา ซาลาห์ กับ ฟีร์มิโน เล่นกันไม่ออกเลยในเกมนี้
ตารางคะแนน
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | a7ร์lซนal | 28 | 64 |
2 | ลิlวaร์p00l | 28 | 64 |
3 | llมulชสlตaร์ ciตี� | 28 | 63 |
4 | llอsตัn วิaa7 | 29 | 56 |
5 | สlปaร์ | 28 | 53 |
6 | llมulชสlตaร์ U1นlต | 28 | 47 |
7 | lวสต์llฮม U1ulต็d | 29 | 44 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | เลเวอร์คูเซ� | 26 | 70 |
2 | บาเยิร์น มิว | 26 | 60 |
3 | สตุ๊ตการ์ต | 26 | 56 |
4 | ดอร์ทมุนด์ | 26 | 50 |
5 | RB ไลป์ซิก | 26 | 49 |
6 | ไอน์ทรัค แฟร | 26 | 40 |
7 | เอาก์สบวร์ก | 26 | 35 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | อินเตอร์ มิล | 29 | 76 |
2 | เอซี มิลาน | 29 | 62 |
3 | ยูเวนตุส | 29 | 59 |
4 | โบโลญญ่า | 29 | 54 |
5 | โรม่า | 29 | 51 |
6 | อตาลันต้า | 28 | 47 |
7 | นาโปลี | 29 | 45 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | เรอัล มาดริด | 29 | 72 |
2 | บาร์เซโลน่า | 29 | 64 |
3 | คิโรน่า | 29 | 62 |
4 | แอธเลติก บิล | 29 | 56 |
5 | แอตเลติโก มา | 29 | 55 |
6 | เรอัล โซเซีย | 29 | 46 |
7 | เรอัล เบติส | 29 | 42 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ปารีส แซงต์ � | 26 | 59 |
2 | แบรสต์ | 26 | 47 |
3 | โมนาโก | 26 | 46 |
4 | ลีลล์ | 26 | 43 |
5 | นีซ | 26 | 43 |
6 | ล็องส์ | 26 | 42 |
7 | โอลิมปิก มาร | 26 | 39 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บุรีรัมย์ ยู | 21 | 46 |
2 | แบงค็อก ยูไน | 20 | 42 |
3 | การท่าเรือ เ | 21 | 41 |
4 | บีจี ปทุม ยู� | 21 | 37 |
5 | ราชบุรี มิตร | 21 | 32 |
6 | ลำพูน วอริเอ | 20 | 28 |
7 | เมืองทอง ยูไ | 21 | 28 |
ดูทั้งหมด |