ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม แมนยู เปิดบ้านชนะ ฟูแล่ม 4-1 พรีเมียร์ลีก 09 ธ.ค. 2018
ไม่ได้เห็นเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โจมตีใส่คู่แข่งอย่างบ้าคลั่งมานาน และพวกเขาก็ทำได้ดีเยี่ยม เมื่อเปิดบ้านถล่ม ฟูแลม กระจุย 4-1 ขยับขึ้นอันดับ 6 ของตารางสำเร็จ ส่วน ฟูแลม ยังมีงารต้องแก้กันต่อไป เมื่อพวกเขายังนอนจมท้ายตาราง มีเพียง 9 คะแนนเท่านั้น
ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้างในเกมนี้
5. เกมกลางสนามที่ยังต้องปรับปรุง
การขาด คาลัม แชมเบอร์ส กองหลังตัวยืมจาก อาร์เซนอล ที่ถูกนำมาใช้ในฐานะมิดฟิลด์ตัวรับในระยะหลัง ทำให้ ฟูแลม ไม่สามารถต่อกรกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลยในเกมนี้ ส่งผลให้พวกเขาแพ้เจ้าบ้านอย่างยับเยิน
ฌ็อง มิเชล เซรี กับ ซ็อมโบ อ็องกิสซา 2 มิดฟิลด์ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่คือคนที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อพวกเขายังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับ พรีเมียร์ลีก ได้เลยจนถึงตอนนี้ โดย เซรี เพิ่งจะทำฟลาดในเกมก่อนหน้ากับ เชลซี มาหมาด ๆ ในขณะที่ อ็องกิสซา ได้ลงเ่ลนแทนที่ แชมเบอร์ส ก็มาโดนไล่ออกจากการทำฟาวล์ใส่ แรชฟอร์ด อย่างน่าเกลียด
ตำแหน่งกองกลางตัวคุมเกมเป็น 1 ในตำแหน่งที่ เคลาดิโอ รานิเอรี ต้องแก้ไขต่อไป และมีอนวโน้มว่าพวกเขาอาจนำเข้า แดนนี ดริงก์วอเตอร์ ของ เชลซี อยู่ตามที่เป็นเข้า เพราะนอกจาก เชลซี น่าจะอยากปล่ยอมิดฟิลด์รายนี้แล้ว เขายังเป็นศิษย์เก่าของ รานิเอรี ที่ เลสเตอร์ ด้ย และเป็น 1 ในขุนพลที่ช่วยให้ จิ้งจอกสีน้ำเงิน คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบปาฏิหาริย์ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
4. ดาโลต์ ดีต่อเนื่อง
แบ็ควัย 19 ปีได้รับโอกาสลงเล่นเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน และ ดาโลต์ ก็ไม่ทำให้ โชเซ มูรินโย ต้องผิดหวังเท่าไหร่ เมื่อเจ้ารับหน้าที่ทางกราบขวาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเกมรับที่ไร้ที่ติ ในขณะที่เกมรุกอาจจะมีบางจังหวะที่ใช้โอกาสเปลืองไปบ้าง แต่การเติมขึ้นมาช่วงแบ่งเบาภาระของ ฆวน มาต้า และการได้เปิดบอลโจมตีเข้าเขตโทษนาน ๆ ครั้ง ก็ถือว่าสร้างประโยชน์ให้ทีมมากทีเดียว
ดูท่าทาง ดาโลต์ น่าจะยึดตำแหน่งนี้ไปอีกซักพั เพราะ แอชลีย์ ยัง เองก็ทำได้ดีสุด ๆ ทางฝั่งซ้าย ทำให้ ลุค ชอว์ คงต้องนั่งเป็นสำรองไปก่อน แม้จะหายบาดเจ็บมาแล้วก็ตาม
3. คัมแบ็กสไตล์
คาแร็คเตอร์หนึ่งที่เราเห็นได้บ่อย ๆ จากนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ก็คือพวกเขามักจะกลับมาโชว์ได้เยี่ยมอีกครั้งหลังผ่านมรสุมอะไรสักอย่าง
ช่วงต้นฤดูกาลเรามีโอกาสเห็นนักเตะที่ถูกด่าออกสื่ออย่าง ลุค ชอว์ กลับมาโชว์ฟอร์มแจ่มจนยึดตำแหน่งแบ็คซ้ายยาว ๆ มาแล้ว ต่อมาก็เป็น อ็องโตนี มาร์กซิยาล ที่ระเบิดฟอร์มยิงไป 7 ประตูจาก 7 นัด ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขายังถูกไล่กลับบ้านอยู่เลยในช่วงพรีซีซั่น ไหนจะ ดาบิด เด เคอา ที่กลับมางัดฟอร์มเทพออกมาได้อีกครั้ง หลังเจอมรสุมจากฟุตบอลโลก หรือนักเตะอย่าง วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ที่เคยโดนครหาว่าไม่คุ้มค่าตัว ตอนนี้เขากลายเป็น 1 ในนักเตะที่แฟนบอลโหยหามากที่สุดคนนึงไปแล้ว และล่าสุดกำลังจะเป็นตาของ ฟิล โจนส์ กับ มาร์คอส โรโฮ ที่เจ็บไปนาน กำลังจะกลับมากู้ชื่อของตัวเองอีกครั้ง
โจนส์ ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงนัดที่ 4 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ บาดเจ็บไปตั้งแต่ปลายเดือนก่อน และยังไม่มีเกมไหนเลยที่ โจนส์ จะแสดงความเฟอะฟะอย่างที่เรามักจะเห็นกันบ่อย ๆ แบบเมื่อก่อน ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เขากลายเป็นอีกคนที่งัดฟอร์มเทพในเกมรับออกมาได้ทุกนัด สะกัดบอลขาด เบียดปะทะอย่างแข็งแกร่ง
ในขณะที่ โรโฮ ลงมาเล่นแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงสุดท้ายเท่านั้น แต่ก็มีจังหวะโชว์ฟอร์มการสกัดบอลอันแม่นยำให้เห็น และเมื่อประกอบกับฟอร์มการเล่นในนัดที่แล้วก็ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว
2. แอสซิสต์ที่ 50 ของ มาต้า
ฆวน มาต้า เก็บแอสซิสต์ได้ 1 ครั้งในเกมนี้จากจังหวะที่เขาเล่นลูกเตะมุมสั้นช่วงท้ายครึ่งแรก ทำชิ่งกับ เจสซี ลินการ์ด เข้าเขตโทษ ก่อนจะตบเข้ากลางให้ โรเมลู ลูกากู แท็ปอินจ่อ ๆ ไม่เหลือ
แอสซิสต์ดังกล่าวกลายเป็นประตูที่ 50 ของเขาใน พรีเมียร์ลีก หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับ เชลซี ตั้งแต่ฤดูกาล 2011/12 แบ่งเป็นของ เชลซี 24 ครั้ง ของ แมนฯ ยูไนเต็ด 26 ครั้ง นอกจากนี้ เขายังเป็นนักเตะชาวสเปนคนที่ 3 เท่านั้นที่ทำแอสซิสต์ถึง 50 ครั้ง ถัดจาก เซสก์ ฟาเบรกัส (111 ครั้ง) และ ดาบิด ซิลบา (77 ครั้ง)
1. ลูกากู ปลดล็อคประตูที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
แม้จะทำมาแล้ว 5 ประตูในฤดูกาลนี้ แต่การแท็ปอินในเกมกับ ฟูแลม เพิ่งจะเป็นลูกแรกของเขาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลังปืนฝืดในบ้านตัวเองมา 12 นัดด้วยกันในฤดูกาลนี้ และถ้านับจากฤดูกาลที่แล้วก็จะเป็น 15 นัดด้วยกัน
แม้ว่าผลงานโดยรวมจะไม่น่าพอใจนัก แต่กองหน้าชาวเบลเยียมเป็นอุปสรรค "ใหญ่" ของ ฟูแลม ในเกมนี้ เมื่อเขาสามารถกดดันคู่แข่งได้แค่จากการยืนค้ำในเขตโทษเท่านั้น และช่วยทำให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ ฆวน มาต้า มีพื้นที่ทำเกมมากขึ้นจนสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ในที่สุด และประตูที่ 6 ของเขาก็ทำให้ ลูกากู ขยับขึ้นมาเป็นดาวซัลโวอันดับ 12 ร่วมแล้ว เท่ากับ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ของ อาร์เซน่อล ซาดิโอ มาเน่ ของ ลิเวอร์พูล เลรอย ซาเน่ ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เฟลิเป้ อันเดร์ซอน ของ เวสต์แฮม
ตารางคะแนน
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | a7ร์lซนal | 28 | 64 |
2 | ลิlวaร์p00l | 28 | 64 |
3 | llมulชสlตaร์ ciตี� | 28 | 63 |
4 | llอsตัn วิaa7 | 29 | 56 |
5 | สlปaร์ | 28 | 53 |
6 | llมulชสlตaร์ U1นlต | 28 | 47 |
7 | lวสต์llฮม U1ulต็d | 29 | 44 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | เลเวอร์คูเซ� | 26 | 70 |
2 | บาเยิร์น มิว | 26 | 60 |
3 | สตุ๊ตการ์ต | 26 | 56 |
4 | ดอร์ทมุนด์ | 26 | 50 |
5 | RB ไลป์ซิก | 26 | 49 |
6 | ไอน์ทรัค แฟร | 26 | 40 |
7 | เอาก์สบวร์ก | 26 | 35 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | อินเตอร์ มิล | 29 | 76 |
2 | เอซี มิลาน | 29 | 62 |
3 | ยูเวนตุส | 29 | 59 |
4 | โบโลญญ่า | 29 | 54 |
5 | โรม่า | 29 | 51 |
6 | อตาลันต้า | 28 | 47 |
7 | นาโปลี | 29 | 45 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | เรอัล มาดริด | 29 | 72 |
2 | บาร์เซโลน่า | 29 | 64 |
3 | คิโรน่า | 29 | 62 |
4 | แอธเลติก บิล | 29 | 56 |
5 | แอตเลติโก มา | 29 | 55 |
6 | เรอัล โซเซีย | 29 | 46 |
7 | เรอัล เบติส | 29 | 42 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ปารีส แซงต์ � | 26 | 59 |
2 | แบรสต์ | 26 | 47 |
3 | โมนาโก | 26 | 46 |
4 | ลีลล์ | 26 | 43 |
5 | นีซ | 26 | 43 |
6 | ล็องส์ | 26 | 42 |
7 | โอลิมปิก มาร | 26 | 39 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บุรีรัมย์ ยู | 21 | 46 |
2 | แบงค็อก ยูไน | 20 | 42 |
3 | การท่าเรือ เ | 21 | 41 |
4 | บีจี ปทุม ยู� | 21 | 37 |
5 | ราชบุรี มิตร | 21 | 32 |
6 | ลำพูน วอริเอ | 20 | 28 |
7 | เมืองทอง ยูไ | 21 | 28 |
ดูทั้งหมด |