ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม ปีศาจแดง เสมอ เซาแธมป์ตัน 2-2 พรีเมียร์ลีก 02 ธ.ค. 2018
เกือบจะทำเรื่องช็อคประจำวันเสียแล้วสำหรับ เซาแธมป์ตัน เมื่อพวกเขาออกนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปก่อน 2-0 ในเวลาเพียง 20 นาทีแรกของเกม ก่อนที่พวกเขาจะถูกดึงกลับสู่โลกของความเป็นจริงด้วยประตูของ โรเมลู ลูกากู และ อันเดร์ เอร์เรรา ทำให้พวกเขาต้องแบ่งแต้มกันไปในที่สุด
ไปดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง หลัง เซาแธมป์ตัน ยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2
5. แผนการเล่นสุดแปลกของ โชเซ มูรินโญ
แค่เห็นรายชื่อ 11 ตัวจริงก็ว่าแปลกแล้ว เมื่อ โชเซ มูรินโญ ตัดสินใจส่งเซ็นเตอร์แบ็คธรรมชาติคนเดียวลงสนาม แต่กลับมีแคนดิเดตในตำแหน่งกลางรับถึง 4 ราย ประกอบไปด้วย สก็อต แมคโทมิเนย์, เนมันยา มาติช, มารูยาน เฟลไลนี และ อันเดร์ เอร์เรรา ซึ่ง 2 รายแรกได้เป็นกองกลางจริง ๆ ส่วน 2 รายหลังกลายไปเป็นแเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็นในระบบ 3-5-2
เข้าใจได้ว่า มูรินโญ ต้องการพักตัวหลักไว้เล่นเกมใหญ่กลับ อาร์เซน่อล กลางสัปดาห์ แต่การเลือกใช้บริการของกองกลางในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ทั้ง ๆ ที่เขามี โรโฮ เป็นตัวสำรองภือว่าค่อนข้างประหลาดทีเดียว
แล้วผลตอบรับของทีมชุดนี้ก็ไม่ดีเท่าไหร่ด้วย เมื่อทีมเสีย 2 ประตูในเวลาห่างกันเพียง 7 นาทีเท่านั้น ยังดีหน่อยที่ระบบหน้าคู่ระหว่าง โรเมลู ลูกากู กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด เหมือนจะได้ผล และสามารถทวง 2 ประตูได้ก่อนเหมดเวลาครึ่งแรก
4. เดบิวต์อันยอดเยี่ยมของ โอบาเฟมี
กองหน้าชาวไอร์แลนด์ได้รับความไว้วางใจให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมใหญ่ก่อนหน้ารุ่นพี่อย่าง ชาร์ลี ออสติน หรือ มาโนโล กับเบียดินี และเขาก็ไม่ทำให้กุนซือต้องผิดหวัง เมื่อเขามีส่วนกับประตูขึ้นนำเร็วของทีม และช่วยให้ เซาแธมป์ตัน มีแต้มในเกมนี้
ไมเคิล โอบาเฟมี มีความคล่องตัวและความเร็วที่สามารถเอาตัวรอดจากแนวรับที่เชื่องช้าและเทอะทะของ ยูไนเต็ด เอาได้ 1 แอสซิสต์ในเกมนี้จากการหนีตัวประกบอย่าง แมคโทมิเนย์ กับ ชอว์ แล้วจ่ายให้ สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง ทำประตูในนาทีที่ 13
เกมนี้เป็นเกมนัดแรกของกองหน้าวัย 18 ปีทีได้โอกาสลงเป็นตัวจริงให้กับ เซาแธมป์ตัน ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ถูกจับขึ้นมาเล่นในฐานะตัวสำรองฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตาม เขามีโอกาสประเดิมตัวจริงในทีมชุดใหญ่อยู่ก่อนแล้ว 1 นัด โดยเป็นการออกสตาร์ทในเกม ลีกคัพ รอบ 3 ซึ่ง เซาแธมป์ตัน แพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ ในการดวลจุดโทษ 5-6 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
3. แอชลีย์ ยัง ไม่ใช่คำตอบของการโยนบอล
โชเซ มูรินโญ ดูจะชอบบอลโยนเป็นพิเศษยามทีมต้องการได้ประตูขึ้นนำ แต่ไม่ว่าเขาจะมีนักเตะที่เล่นลูกกลางอากาศเก่งเยอะแค่ไหนก็ตาม หากเปิดบอลไม่แม่น เฟลไลนี หรือ ลูกากู 10 คนก็ไร้ความหมาย
แอชลีย์ ยัง กลายมาเป็นตัวโยนบอลขาประจำตั้งแต่กุนซือชาวโปรตุเกสมอบหมาบตำแหน่งฟูลแบ็คให้กับเขาอย่างถาวร หากใครยังจำได้ ยัง ไม่ใช่นักเตะที่โยนบอลเก่งตั้งแต่เป็นปีกแล้ว และเมื่อต้องมาเป็นฟูลแบ็ค มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเปิดบอลดีขึ้นเท่าไหร่ แต่ด้วยการยืนในตำแหน่งฟูลแบ็คก็เลยทำให้เขาต้องกลายเป็นคนโยนบอลตามแท็กติกไปโดยปริยาย
ในเกมนี้ แมนเชสเอตร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสดีมาก 7-8 ครั้งได้ในเขตโทษ แต่การเปิดบอลเสียของทีมกลับทำให้พวกเขาโยนโอกาสทิ้งไปเอง ซึ่งเกินครึ่งนั้นเป็นฝีใือของ แอชลีย์ ยัง โดยเฉพาะช่วงท้ายเกมที่พวกเขามีโอกาสโยนลูกฟรีคิก แต่ ยัง กลับโยนไม่เข้าเขตโทษเลยสักครั้งเดียว
2. ลูกากู ทำประตูจนได้
ครั้งสุดท้ายที่ โรเมลู ลูกากู ทำประตูให้ แมนฯ เชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ก็คือเกมกับ วัตฟอรืด เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นับเป็น 12 เกม หรือ 981 นาทีเข้าไปแล้วที่เจ้าตัวไม่สามารถมีชื่อบนสกอร์บอร์ดได้ แต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จในเกมนี้
ลูกากู ต้องขอบคุณความว่องไวของ แรชฟอร์ด ที่ช่วยพาบอลเข้าพิ้นที่อันตรายก่อนจะปั๊มบอลจนไปเข้าทางของเขาได้ และกองหน้าชาว เบลเยียม ก็ทำได้ดีตามเคยกับการวิ่งเข้าไปจิ้มจังหวะเดียวสวนตัวนายทวารคู่แข่งเข้าไป
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือน ลูกากู อาจจะต้องลุ้นตัวโห่งหากยังหวังจะได้ยึดตัวจริงในเกมกับ อาร์เซนอล อีกนัด หลังจากที่เขาสะดุดบอลล้มลงจนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าจนถูกเปลี่ยนตัวออกไปช่วงท้ายเกม
1. ฮิวจส์ จะรอดไปได้นานแค่ไหน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการยันเสมอกับทีมอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ในบ้านของพวกเขาเองถือว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่การไม่ชนะใครติดต่อกัน 12 นัดไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขายังจมอยู่ในโซนตกชั้น ณ ตอนนี้
กุนซือชาวเวลส์รอดจากการโดนปลดมาได้หลายเกม ไล่ตั้งแต่การบุกไปโดน แมนฯ ซิตี้ ถล่มเละเทะ 1-6 เสมอ วัตฟอร์ด ในบ้านตัวเอง 1-1 ออกไปแพ้ทีมที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ชอย่าง ฟูแลม 2-3 ตกรอบ คาราบาวคัพ ด้วยการแพ้ดวลจุดโทษ และเมื่อดูผลงานจากเกมนี้ เขาก็น่าจะได้อยู่ต่อไปอีกเล็กน้อย ซึ่งอย่างมากสุดก็คือเกมในบ้านกับ เวสต์แฮม ในวันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งเป็นเกมนัดสุดท้ายของครึ่งฤดูกาลแรกนั่นเอง ซึ่งถ้าหากเขายังพา เซาแธมป์ตัน หนีโซนตกชั้นไม่ได้ เราได้เห็น นักบุญ เปลี่ยนโค้ชคนใหม่แน่นอ
ตารางคะแนน
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | llมulชสlตaร์ ciตี� | 32 | 73 |
2 | a7ร์lซนal | 32 | 71 |
3 | ลิlวaร์p00l | 32 | 71 |
4 | llอsตัn วิaa7 | 33 | 63 |
5 | สlปaร์ | 32 | 60 |
6 | นิวค7สlซิa U1ulต� | 32 | 50 |
7 | llมulชสlตaร์ U1นlต | 32 | 50 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | เลเวอร์คูเซ� | 29 | 79 |
2 | บาเยิร์น มิว | 29 | 63 |
3 | สตุ๊ตการ์ต | 29 | 63 |
4 | RB ไลป์ซิก | 29 | 56 |
5 | ดอร์ทมุนด์ | 29 | 56 |
6 | ไอน์ทรัค แฟร | 29 | 42 |
7 | เอาก์สบวร์ก | 29 | 39 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | อินเตอร์ มิล | 32 | 83 |
2 | เอซี มิลาน | 32 | 69 |
3 | ยูเวนตุส | 32 | 63 |
4 | โบโลญญ่า | 32 | 59 |
5 | โรม่า | 31 | 55 |
6 | อตาลันต้า | 31 | 51 |
7 | นาโปลี | 32 | 49 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | เรอัล มาดริด | 31 | 78 |
2 | บาร์เซโลน่า | 31 | 70 |
3 | คิโรน่า | 31 | 65 |
4 | แอตเลติโก มา | 31 | 61 |
5 | แอธเลติก บิล | 31 | 57 |
6 | เรอัล โซเซีย | 31 | 50 |
7 | บาเลนเซีย | 31 | 47 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ปารีส แซงต์ � | 28 | 63 |
2 | แบรสต์ | 29 | 54 |
3 | โมนาโก | 28 | 52 |
4 | ลีลล์ | 28 | 49 |
5 | นีซ | 28 | 44 |
6 | ล็องส์ | 29 | 43 |
7 | แร็งส์ | 29 | 40 |
ดูทั้งหมด |
2023-2024
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บุรีรัมย์ ยู | 24 | 53 |
2 | แบงค็อก ยูไน | 24 | 50 |
3 | การท่าเรือ เ | 24 | 46 |
4 | บีจี ปทุม ยู� | 24 | 41 |
5 | เมืองทอง ยูไ | 24 | 37 |
6 | ราชบุรี มิตร | 24 | 35 |
7 | ลำพูน วอริเอ | 24 | 31 |
ดูทั้งหมด |