ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลังเกม แมนซิ เอาชนะ ฮัดเดอร์ฟิลด์ 6-1 พรีเมียร์ลีก 20 ส.ค. 2018

แม้ว่าจะต้องใช้เวลาซักพักในการตามหาประตูที่สาม แต่ในทีสุด กุน อเกวโร ก็ทำแฮตทริคสำเร็จจนได้จากการดีดลูกครอสของ เมนดี้ เข้าประตูไปในนาทีที่ 75 

นี่เป็นแฮตทริคครั้งที่ 12 ของเขากับ แมนฯ ซิตี้  และเป็นครั้งที่ 9 แล้วในลีกสูงสุดของอังกฤษ ทำสถิติเป็นนักตะที่ยิงแฮตทริคได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 เทียบเท่า ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และตามหลังเจ้าของสถิติสูงสุดอย่าง อลัน เชียร์เรอร์ (11 ครั้ง) อีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้น 

เมื่อพิจารณาว่าเขายิงแฮตทริคไป 3 ครั้งในฤดูกาลที่แล้ว สถิติของ เชียร์เรอร์ อาจถูกโค่นในปีนี้ก็ได้ 

การจับฉลากเจอทีมใหญ่ตั้งแต่นัดเปิดสนามเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับทีมตัวเอง โดยเฉพาะถ้าหากทีมของคุณเป็นทีมที่ต้องลุ้นหนีตกชั้น แต่มันจะเป็นยิ่งกว่าหายนะ หากคุณต้องเจอทีมใหญ่ 2 นัดติดกัน อย่างที่ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ต้องเจอ

พวกเขาเปิดบ้านพ่ายให้กับ เชลซี ก่อน 0-3 โดยที่การเล่นในบ้านไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้เลย เท่านัั้นไม่พอ เกมเยือนนัดแรกของพวกเขายังเป็นการเยือนแชมป์เก่าผู้มีสถิติการยิงประตูในลีกสูงสุดอีกด้วย ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แน่นอน แมนฯ ซิตี้ นำห่าง 3-1 ในครึ่งแรก ก่อนจะได้อีก 3 ลูกในครึ่งหลัง ส่งผลให้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ มีสถิติยอดแย่ที่สุดในตอนนี้ นำหน้า เวสต์แฮม ไปแล้ว และทำให้พกเขานอนจมบ๊วยไปโดยปริยาย 

อดีตนายทวารมือ 1 จาก ไมนซ์ โชว์ฟอร์มอย่างยอดเยีย่มในการยืมตัวเมื่อฤดูกาลที่แล้วจนทำให้ เดวิด วากเนอร์ ต้องซื้อถาวรมาในฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้ลงเล่นซักนัดเลยและต้องดูทีมเสียประตูไปแล้วถึง 9 ลูกด้วยกัน

แม้ว่าเขาจะไปลุยศึกฟุตบอลโลกกับทีมชาติ เดนมาร์ค มา แต่เขาไม่ได้ลงเล่นเลยซักนัดเพราะเป็นเพียงมือ 2 ต่อจาก แยสเปอร์ ซไมเคิล นั่นจึงไม่น่าจะทำให่เขามีปัญหาความฟิตแต่อย่างใด

ที่ตลกไปกว่านั้น ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นมือ 2 ของ อดีตมือ 2 ของ ซไมเคิล ที่ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่าง เบ็น เฮเมอร์ ด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่า วากเนอร์ ไปติดใจอะไร เฮเมอร์ ที่แทบไม่มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือกับ เลสเตอร์ เลยจนต้องเซ็นคว้ามา และเลือกใช้บริการของเขาจนเสียไปแล้ว 9 ลูกในตอนนี้

ก่อนหน้าเกมจะเริ่มขึ้นไม่นาน แฟนบอล ซิตี้ ต่างกระวนกระวายว่าทีมของพวกเขาจะยังรักษาฟอร์มที่ดีได้ไหม หลังจากที่เจ้าตัวมีส่วนอย่างมากในการพา ซิตี้ ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์จากเกมนี้น่าจะทำให้กระจ่างได้ว่า ซิตี้ ก็ยังคงน่ากลัวอยู่เหมือนเดิม

เป๊ป ปรับแผนการเล่นจากปกติอยู่เล็กน้อย โดยเลือกใช้บริการ กาเบรียล เชซุส ในการเล่นหน้าคู่กับ เซร์คิโอ อเกวโร โดยมี กุนโดกัน, ซิลบา และ แบร์นาโด้ คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ซึ่งก็ได้ผลมากทีเดียว และแม้ว่าในครึ่งหลังจะเปลี่ยนเป็น ซาเน, มาห์เรซ และ โฟเด้น ทีมก็ยังรักษามาตรฐานเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

อย่างไรก็ตาม เป๊ป ต้องไม่ลืมว่าคู่แข่งของพวกเขาคือ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เท่านั้น และยังเป็นการเล่นในบ้านอีกด้วย หากจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่ง เดอ บรอยน์ จริง ๆ พวกเขาต้องเอาชนะคู่แข่งที่สูสีกับพวกเขาจริง ๆ ให้ได้ก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ลิเวอร์พูล ที่พวกเขาจะมีคิวไปเตะกันที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 7 ตุลาคมนี้

ไม่มีใครปฏิเสธว่า จอห์น สโตนส์ ทำผลงานได้แกร่งสุด ๆ ยามเล่นหลังสามตัวกับทีมชาติ อังกฤษ ในฟุตบอลโลกทีผ่านมา แต่เมื่อกลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขากลับมาเป็น สโตนส์ จอมเหม่ออีกครั้ง

ฟอร์มกันเล่นอันยอดเยี่ยมของ ซิตี้ ในเกมนี้ ควรทำให้พวกเขาเก็บคลีนชีตได้สบาย ๆ แต่แล้วในนาทีที่ 43 ฮัดเดอร์สฟิลด์ ก็มาได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะที่ มูนี โขกชงเข้าเขตโทษให้ สตันโควิช ที่สลัดการประกบของ สโตนส์ ได้ ก่อนเข้าไปยิงจ่อ ๆ หมดปัญญาที่ เอแดร์ซอน จะป้องกัน

เซ็นเตอร์แบ็คหมายเลข 1 ของทีมชาติ อังกฤษ อาจจะมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่รัสเซีย แต่การจะยึดตำแหน่งตัวจริงจากใครซักคนในทีม แมนฯ ซิตี้ เขาต้องเรียกฟอร์มที่ดีกว่านั้นออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นได้แค่อะไหล่ในทีมต่อไปเท่านั้น