ชินจิ คาราวะ!ซัดแฮทริกพาผีล้างแค้นนกขมิ้น 4-0 ห่าง 15 แต้ม
ต้องคาราวะกันหน่อยสำหรับคากาวะที่สวมบทเป็นฮีโร่และนักเตะเอเชียคนแรกที่ทำ แฮทริกในพรีเมียร์ ลีกช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ได้อีกประตูสุดสวยจากรูนี่ย์ล้างแค้นนอริช ซิตี้ไป 4-0 ขยับทำแต้มหนีแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็น 15 คะแนนอีกหน
พรีเมียร์ ลีก
วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม 2556
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - 0 นอริช ซิตี้
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู :1-0 คากาวะ น.45+2, 2-0 คากาวะ น.76, 3-0 คากาวะ น.87, 4-0 รูนี่ย์ น.90
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก แมนยู 4-0 นอริช ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดพร้อมที่จะล้างแค้นนอริชที่พลาดท่าบุกไปพ่ายช็อกก่อนในเกมแรก โดยพวกเขาลงเล่นพร้อมกับการมี 12 แต้มนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่นั่นเอง
รูนี่ย์และฟาน เพอร์ซี่ลงเล่นเป็นแนวหลักในเกมรุกให้กับทีมเช่นเคย โดยมีคากาวะและอันแดร์สันคอยช่วยกันในแดนกลาง
หากว่าพวกเขายังคงไม่แพ้สำหรับเกมนี้ก็จะกลายเป็นเกมที่ 16 ที่ไม่พ่ายแพ้ในลีกซีซั่นนี้
ด้านนอริชแม้เกมแรกของฤดูกาลจะเอาชนะมาได้ แต่ถ้าเป็นการเตะในโอลด์ แทรฟฟอร์ดต้องย้อนไปถึงปี 1989 เลย
นอกจากเรื่องในเกมวันนี้แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ดอาจจะมีผิดหวังนิดหน่อย เพราะลุ้นว่าจะเห็นกิ๊กส์ลงเล่นเกมที่ 1,000 ของเขากับสโมสร เพราะเจ้าตัวประเดิมสนามครั้งแรกก็ในวันที่ 2 มีนาคมนี้เมื่อปี 1991
ครึ่งแรก
ผีลุยใส่ตามสเต็ป
ผ่าน 10 กว่านาทีแรกไป แมนฯยูไนเต็ดพยายามเล่นเกมรุกบุกใส่ตามสไตล์ที่ได้เล่นในบ้านของตัวเอง แม้ว่าจะยังเจาะเข้าไปไม่ได้ แต่ค่อยๆเร่งเครื่องแบบนี้ก็ถือว่าเป็นงานหนักของนอริชอยู่เหมือนกัน
อูยยย!RVP พยายามจิ้มโดนบันน์เต็มๆ
นาทีที่ 15 ทำเอาเกมต้องหยุดไปพักหนึงเลยสำหรับจังหวะนี้ เมื่อนอริชจ่ายกันพลาด ทำให้อันแดร์สันได้บอลแทงให้กับฟาน เพอร์ซี่ชิ่งต่อไปรูนี่ย์ ก่อนจะจ่ายทะลุช่องกลับไปให้ฟาน เพอร์ซี่ควบไปเอาบอล แต่โดนบันน์อ่านเอาไว้ก่อน เลยกลายเป็นจังหวะบวกกัน 50-50 จนบันน์ลงไปนอนกอง แต่หลังปฐมพยาบาลก็โอเคกลับมาเล่นต่อได้
ผีขาดจังหวะสุดท้าย
เกมดำเนินกันมาจนจะถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว แม้ว่าแมนฯยูไนเต็ดจะครองบอลทำเกมกันได้มากกว่า แต่ต้องบอกเลยว่าจังหวะสุดท้ายของพวกเขายังขาดไปพอสมควร โดยเฉพาะลูกที่ป้อนให้เพื่อนเข้าทำ ขาดอยู่เยอะพอสมควร
รถด่วนซ้ายไม่ได้-ชิ่งจนหมูซัดติด
นาทีที่ 34 อาจจะใช้จังหวะเยอะไปนิดแต่ก็จำเป็น สำหรับจังหวะนี้ที่วาเลนเซียอุตส่าห์ล็อกบอลหลบกองหลัง มีช่องยิงเปิดกว้างขึ้นหน้าเขตโทษ แต่ปัญหาคือมันเข้าเท้าซ้ายที่บอดเหลือเกิน เลยจ่ายให้เพื่อน รูนี่ย์ชิ่งกับคากาวะที่ป้ายกลับไอ้หมูซัดเน้นๆ แต่บอลติดบล็อกไปซะก่อน
เกมอึดอัดจุงเบย
เข้า 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก เกมอึดอัดจริงๆ เพราะนอริชแพ็คแนวรับกันได้แน่น พลาดไปแค่ครั้งเดียวแล้วก็ยิงยาวเล่นกันได้ดีตลอดแนว ทำให้แนวรุกของแมนฯยูไนเต็ดเจาะเข้าไปลุ้นประตูไม่ได้เลย โยกแล้วโยกอีกก็ยังยากเหมือนเดิม
อ้าว เฮ้ย เข้าเฉย!คากาวะยืนได้บอลยิงเลย
นาทีสุดท้ายของการทดเวลาครึ่งแรก เหมือนจะมีเฮงนิดๆสำหรับจังหวะนี้เพราะเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้ เมื่อวาเลนเซียกระชากบอลขึ้นทางขวาก่อนที่จะเปิดยัดเข้าไปกลางเขตโทษ ฟาน เพอร์ซี่พยายามจะยื่นขาเกี่ยวบอลเอาไว้ไม่อยู่ แต่เด้งไปเข้าทางคากาวะที่ยืนอยุ่เแยๆ เลยจัดการดีดบอลแบบฝืนๆด้วยขวามุมแคบเข้าเบียดเสาเข้าประตูไปเฉยเลย ทำให้แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำไปก่อน 1-0 สำคัญมากจริงๆ
ก่อนจบครึ่งแรกสน็อดกราสเสี่ยงต่อการโดนใบแดงสุดๆ เพราะเขาสไลด์บอลเปิดปุ่มสูงใส่เอฟร่าจนลงไปนอนกองกับพื้น แต่ผู้ตัดสินยังใจดีแจกให้เพียงแค่ใบเหลือง ขณะที่เอฟร่าถกถุงเท้าให้ดูเลยว่าโดนขนาดไหน ก่อนจะจบ 45 นาที แมนฯยูไนเต็ดนำอยู่ 1-0 ชนิดที่กว่าจะได้ก็เหนื่อยน่าดู
ครึ่งหลัง
นกขมิ้นโฉบเกือบได้เรื่อง
นาทีที่ 50 ทำเผลอเกือบโดนไปเหมือนกันสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเจอเกมของนอริชทำกันเร็ว ขึ้นทางด้านข้าง ก่อนจะครอสต่ำเข้ามาวีดิชเหมือนจะสกัดง่ายๆ แต่กลายเป็นมีสน็อดกราสพุ่งมาโฉบแหย่ถึงก่อน ยังดีที่บอลมันปลิ้นๆหลุดข้ามคานออกไป
นกขมิ้นลงมาดีกว่าเดิมเยอะ
เล่นเต็มชั่วโมง ครึ่งหลังนี้นอริชดีกว่าเดิมอย่างชัดเจนเลย พวกเขาครองบอลและบุกใส่แมนฯยูไนเต็ดผิดกับครึ่งแรกลิบลับ ถ้าเล่นได้แบบนี้เรื่อยๆโอกาสตีเสมอมีมาอย่างแน่นอนไม่ต้องห่วงเลย
โก๋แดนลงเล่นแทน RVP
นาทีที่ 66 เหมือนความฟิตยังไม่เต็มร้อยพอสำหรับฟาน เพอร์ซี่ที่วันนี้ความเด็ดขาดในการเล่นดูจะน้อยกว่าเกมที่ผ่านมา ทำให้แมนฯยูไนเต็ดต้องเปลี่ยนเอาเวลเบ็คลงไปเล่นแทน อีกนัยหนึงก็เก็บเอาไว้รอเจอกับเรอัล มาดริดด้วย
ผีสลับเอาบ้าง
หลังจากโดนนอริชกดอยู่พักหนึง เกมรุกของแมนฯยูไนเต็ดก็กลับมามีบทบาทอีกครั้ง พร้อมกับสเต็ปการแตกหลอกของเวลเบ็คที่ยึกยักเรียกเสียงฮาได้อีกเกมแล้ว
ขอบคุณพี่หมู!คากาวะเบิ้ลสบายแฮ
นาทีที่ 77 เป็นจังหวะที่เด็ดขาดมากสำหรับแมนฯยูไนเต็ดที่แม้ว่าเกมจะไม่ดีเด่กว่าเท่า ไหร่ในครึ่งหลัง แต่การจ่ายจังหวะเดียวของคาร์ริคที่ตักข้ามยาวไปให้กับรูนี่ย์ควบขึ้นไปเอา บอลล็อกหลบกองหลัง ก่อนเห็นคากาวะเติมขึ้นตรงกลางเลยไหลให้แข้งยุ่นวิ่งมาแปเล่นทางย้อนศรเข้า เสาแรก ชนิดทั้งกองหลัง ผู้รักษาประตูหลังหักกันหมด ฉลาดจริง แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 2-0 โล่งกันแล้วกองเชียร์เจ้าบ้าน
โก๋แดนโดนเข้าหนักอาการไม่ดี
นาทีที่ 81 ทำเอาฮาไม่ออกเลยสำหรับเวลเบ็คที่โดนเทิร์นเนอร์เข้าปะทะหนักจนลงไปนอนกอง กุมข้อเท้ากับพื้น จนต้องให้ทีมแพทย์วิ่งเข้าไปช่วยกันเช็กอาการเต็มที่ ก่อนจะพาออกไปปฐมพยาบาลที่ข้างสนาม
วันของข้า!คากาวะซัดแฮทริกไปเลย
นาทีที่ 87 สุดยอดมากจริงๆสำหรับคากาวะเมื่อเขามาระเบิดแฮทริกแรกในสีเสื้อของ "ปีศาจแดง" ได้จากจังหวะที่เพื่อนจ่ายบอลทะลุหลุดให้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะชิพบอลยกข้ามบันน์ส่งบอลเข้าไปนอนกองก้นตาข่ายได้อย่างสวยงาม แมนฯยูไนเต็ดทิ้ง 3-0
อย่าลืมผม!หมูเล่นแจ่มยิงไกลงามหยด
นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน รูนี่ย์ก็มาทำประตูสุดสวยได้ไม่น้อยหน้าเพื่อน เมื่อเขาลากบอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะง้างเท้าสับไกส่งบอลพุ่งฮุคเสียบใต้คานอย่างสุดยอด แมนฯยูไนเต็ดถล่ม 4-0
จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-0 ต้องเรียกว่าถล่มเอาคืนได้เลยและนี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ ของวงการฟุตบอล เมื่อคากาวะได้กลายเป็นนักเตะเอเชียคนแรกที่สามารถทำแฮทริกในเกมพรีเมียร์ ลีกได้ด้วย
"ปีศาจแดง" ทำแต้มขยับหนีเป็น 15 คะแนนทิ้งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในอันดับที่ 2 ไม่เห็นฝุ่น ก่อนที่รายหลังจะเตะในศึกมันเดย์ไนท์
และนี่ก็เป็นเกมที่ 16 แล้วที่แมนฯยูไนเต็ดไม่พ่ายแพ้ใครติดต่อกันในลีก
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา 6, ปาทริซ เอฟร่า 6, จอนนี่ อีแวนส์ 6, คริส สมอลลิ่ง 6, เนมันย่า วีดิช 6, อันโตนิโอ วาเลนเซีย 6, อันแดร์สัน 6(เคลฟเวอร์ลี่ย์ 6 น.74), เวย์น รูนี่ย์ 7, ไมเคิ่ล คาร์ริค 6, ชินจิคากาวะ 8*, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ 6(เวลเบ็ค 6 น.66)
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ราฟาเอล, นานี่, แอชลี่ย์ ยัง, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
นอริช ซิตี้ : มาร์ค บันน์ 6.5, รัสเซลล์ มาร์ติน 5, เซบาสเตียน บาสซง 7, ไมเคิ่ล เทิร์นเนอร์ 7, ฮาเวียร์ การ์ริโด้ 5, แบรดลี่ย์ จอห์นสัน 5, โรเบิร์ต สน็อดกราส 5(เบนเน็ตต์ 4.5 น.74), โจนาธาน ฮอว์สัน 5, แอนโธนี่ย์ พิลคิงตัน 5, เวสลี่ย์ ฮูลาแฮน 5(กามาร่า 4.5 น.72), แกรนท์ โฮลท์ 5(เบ็คคิโอ้ - น.90)
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ลี แคมป์, สตีเว่น วิทเทคเกอร์, เดวิด ฟ็อกซ์, ไรอัน เบนเน็ตต์