ข่าว 5 เรื่องควรรู้ !!! หลังเกม แมนยู เปิดบ้านแพ้ เวสต์บรอมวิช 0-1 พรีเมียร์ลีก 16 เม.ย. 2018

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
คืนวันที่ 15 เมษายน 2018
จบเกม : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
5. ความหวังของ เดอะแบ็กกี้ส์
เวสต์บรอมฯ ดูเหมือนจะยกธงขาวแล้วยอมแพ้ร่วงตกชั้นไปอย่างง่ายๆ ใน 72 นาทีแรกของเกมเมื่อพวกเขาลงไปแพ็คเกมรับปล่อยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมบุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว
แต่ประตูของ เจย์ โรดริเกวซ ในนาทีที่ 73 ก็ช่วยให้ เดอะแบ็กกี้ส์ พอจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้างเมื่อพวกเขามี 9 แต้มตามหลังโซนปลอดภัย แม้มันจะริบหรี่สุดๆ กับจำนวนแต้มเต็ม 12 คะแนนที่เหลือจาก 4 นัด เวสต์บรอมฯ ยังมีคิวฟาดแข้งกับ ลิเวอร์พูล เป็นเกมต่อไปอีกด้วย
แต่อย่างน้อยเกมนัดนี้พวกเขาก็แสดงให้แฟนบอลเห็นว่าทีมยังคงไม่ยอมจำนนอย่างง่ายๆ
4. เบน ฟอสเตอร์ จะได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้าอย่างแน่นอน
หากไม่ใช่เพราะ เบน ฟอสเตอร์ ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูของ เวสต์บรอมฯ พวกเขาก็คงจะบอกลา พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า จากความพ่ายแพ้ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปเรียบร้อยแล้ว
นายทวารชาว อังกฤษ ยังรักษาสถิติที่ยอดเยี่ยมกับค่าเฉลี่ย 2 เซฟต่อเกมไว้ได้ โดยนัดนี้มือกาววัย 35 ปีทำสถิติ 3 เซฟในเกมเดียวรักษาคลีนชีทกับเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ทั้งจากจังหวะดับเบิลเซฟในครึ่งแรกและการยิงของ ลูกากู ในเวลาต่อมา
เรียกได้ว่าเป็นการโชว์ของเผื่อต้นสังกัดในฤดูกาลนี้ของเขาตกชั้นลงไปเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ โดยแท้และเราเชื่อว่าแม้เจ้าตัวจะไม่ติดทีมชาติ อังกฤษ ไปลุยฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย แต่เขาก็น่าจะได้โชว์ฝีมือใน พรีเมียร์ลีก ต่อไปในฤดูกาลหน้า
3. เพลย์เซฟที่กลับกลายเป็นหอกทิ่มตัวเอง
ไม่มีใครอยากจะคิดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกล้าๆ ปราชัยในรังเหย้าของตัวเองหลังจากที่พวกเขาเพิ่งโชว์ฟอร์มฮ็อททั้งใน ศึกแดงเดือด และ แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ มาก่อนหน้า
การได้เล่นในบ้านกับทีมบ๊วยของตารางซึ่งโอกาสรอดตกชั้นริบหรี่สุดๆ นั้นไม่มีอะไรต้องน่ากังวลนอกจากเปิดเกมรุกดาหน้าบุกแหลกเข้าใส่ตามวิถีของทีมที่เหนือชั้นกว่า ทว่ามิดฟิลด์ตัวกลาง 3 คนของ มูรินโญ ดูจะกลายเป็นส่วนประกอบที่มากเกินความจำเป็นในวันที่พวกเขาครองบอลมากกว่า 70-30 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ยังมีส่วนที่ควรจะชื่นชมอยู่บ้างเมื่อ จ่ามู ตัดสินใจเปลี่ยนเอา ลินการ์ด ลงมาแทนที่ เอร์เรรา ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และการใช้ มาร์กซิยาล แทน ป็อกบา หลังจากนั้นไม่นาน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของ มูรินโญ ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ ยูไนเต็ด รอดพ้นจากความปราชัยไปได้เมื่อแผงแนวรุกไร้ความเด็ดขาด กับทีเด็ดของ เจย์ โรดริเกวซ ในช่วงท้ายเกม
2. ไม่ใช่วันของเหล่าลูกกรอกคะนอง
ปีศาจแดง จัดทัพโดยมีแนวรุกระดับค่าตัวแพงลงสนามกันอย่างพร้อมเพรียงไม่ว่าจะเป็น โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ หรือ ปอล ป็อกบา ขณะที่ดาวรุ่งจากอคาเดมีของพวกเขาทำได้แค่นั่งอยู่บนม้านั่งสำรอง
การเปลี่ยนเอาดาวรุ่งอย่าง ลินการ์ด ลงมาแทนที่ อันเดร์ เอร์เรรา ทำให้ เจ้าบ้านดูดุดันกว่าในครึ่งหลังแม้จะไม่เพียงพอทำให้พวกเขารอดพ้นจากความปราชัยก็ตาม
เป็นอีกเกมที่สตาร์ค่าตัวแพงระยับของพวกเขาเล่นกันอย่างไม่เอาอ่าว ขณะที่ดาวรุ่งบนม้านั่งสำรองไม่สามารถลงมาเปลี่ยนเกมได้ ไม่น่าแปลกใจนักเมื่อเหล่าลูกกรอกคะนองจะไม่สามารถลงมาพลิกเกมได้อย่างที่หวังในเมื่อความต่อเนื่องในการลงสนามของพวกเขาถดถอยลงไปหลังการเข้ามาของดาวเตะสุดแพง
1. ส่ง เรือใบ คว้าแชมป์อย่างเป็นทางการ
ความพ่ายแพ้ของ ปีศาจแดง ในนัดนี้ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2017/2018 อย่างเป็นทางการเมื่อพวกเขาไม่สามารถไล่ตาม เรือใบสีฟ้า ได้ทันจากเกมที่เหลืออยู่ในซีซันนี้
นอกจากนี้ ซิตี้ ยังกลายเป็นทีมที่กำลังจะสร้างสถิติทำคะแนนสูงสุดในลีกจากสถิติเดิมที่ เชลซี ทำได้เมื่อฤดูาล 2004/05 ที่ 95 คะแนน รวมทั้งสถิติการเก็บชันชนะมากที่สุดในหนึ่งซีซันของ สิงห์บลู เมื่อฤดูกาลที่แล้วกับจำนวน 30 นัด โดยตอนนี้ เรือบสีฟ้า มีอยู่ 87 คะแนนจากการลงเล่น 33 นัดและคว้าชัยไปได้แล้ว 28 เกม
แท๊กที่เกียวข้อง
แหล่งข่าวจาก http://www.90min.com/th
คลิปเกี่ยวข้อง ข่าว 5 เรื่องควรรู้ !!! หลังเกม แมนยู เปิดบ้านแพ้ เวสต์บรอมวิช 0-1 พรีเมียร์ลีก 16 เม.ย. 2018
-
คลิปไฮไลท์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 สเปอร์ส
3 วัน มาแล้ว -
คลิปไฮไลท์ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-2 ลิเวอร์พูล
3 วัน มาแล้ว -
คลิปไฮไลท์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
1 สัปดาห์ มาแล้ว
ตารางคะแนน
พรีเมียร์ลีก 2017-2018
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | แมนเชสเตอร์ | 34 | 90 |
2 | แมนเชสเตอร์ | 34 | 74 |
3 | ลิเวอร์พูล | 35 | 71 |
4 | สเปอร์ส | 34 | 68 |
5 | เชลซี | 34 | 63 |
6 | อาร์เซน่อล | 34 | 57 |
7 | เบิร์นลีย์ | 35 | 53 |
8 | เอฟเวอร์ตัน | 35 | 45 |
9 | เลสเตอร์ ซิต | 34 | 44 |
10 | นิวคาสเซิล ย | 34 | 41 |
ดูทั้งหมด |
ไทยลีก 2017-2018
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บุรีรัมย์ ยู | 11 | 26 |
2 | แบงค็อก ยูไน | 11 | 21 |
3 | เชียงราย ยูไ | 11 | 20 |
4 | พีที ประจวบ | 11 | 19 |
5 | การท่าเรือ เ | 11 | 19 |
6 | เอสซีจี เมือ | 11 | 19 |
7 | นครราชสีมา เ | 11 | 18 |
8 | สุโขทัย เอฟซ | 11 | 17 |
9 | ราชบุรี มิตร | 11 | 16 |
10 | สุพรรณบุรี เ | 11 | 16 |
ดูทั้งหมด |
ลาลีกา 2017-2018
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บาร์เซโลน่า | 33 | 83 |
2 | แอตเลติโก มา | 34 | 72 |
3 | เรอัล มาดริด | 33 | 68 |
4 | บาเลนเซีย | 34 | 66 |
5 | เรอัล เบติส | 34 | 56 |
6 | บียาร์เรอัล | 33 | 51 |
7 | เคตาเฟ่ | 34 | 48 |
8 | เซบีย่า | 33 | 48 |
9 | คิโรน่า | 34 | 47 |
10 | เซลต้า บีโก้ | 34 | 45 |
ดูทั้งหมด |
บุนเดสลีกา 2017-2018
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | บาเยิร์น มิว | 31 | 78 |
2 | ชาลเก้ 04 | 31 | 56 |
3 | ดอร์ทมุนด์ | 31 | 54 |
4 | เลเวอร์คูเซ | 31 | 51 |
5 | ฮอฟเฟ่นไฮม์ | 31 | 49 |
6 | RB ไลป์ซิก | 31 | 47 |
7 | แฟรงค์เฟิร์ | 31 | 46 |
8 | โบรุสเซีย มึ | 31 | 43 |
9 | แฮร์ธ่า เบอร | 31 | 42 |
10 | สตุ๊ตการ์ต | 31 | 42 |
ดูทั้งหมด |
กัลโช่ เซเรีย อา 2017-2018
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ยูเวนตุส | 34 | 85 |
2 | นาโปลี | 34 | 84 |
3 | ลาซิโอ | 34 | 67 |
4 | โรม่า | 34 | 67 |
5 | อินเตอร์ มิล | 34 | 66 |
6 | อตาลันต้า | 34 | 55 |
7 | เอซี มิลาน | 34 | 54 |
8 | ฟิออเรนติน่ | 34 | 51 |
9 | ซามพ์โดเรีย | 34 | 51 |
10 | โตริโน่ | 34 | 47 |
ดูทั้งหมด |
ลีกเอิง 2017-2018
ทีม | แข่ง | คะแนน | |
---|---|---|---|
1 | ปารีส แซงต์ | 34 | 90 |
2 | โมนาโก | 34 | 70 |
3 | โอลิมปิก ลีย | 34 | 69 |
4 | โอลิมปิก มาร | 34 | 69 |
5 | นีซ | 34 | 50 |
6 | แซงต์ เอเตีย | 34 | 49 |
7 | แรนส์ | 34 | 48 |
8 | มงต์เปลลิเย | 34 | 46 |
9 | น็องต์ | 34 | 46 |
10 | แก็งก็อง | 34 | 45 |
ดูทั้งหมด |