หลีกทางที!กิลฟี่รับเหมาไก่เดือยคมจิกขมิ้น 2-0 ขึ้นที่ 3
แม้ คริสเตียน เอริคเซ่น แข้งใหม่เล่นได้ดีทีเดียวแต่พระเอกตัวจริงต้องยกให้ กิลฟี่ ซิเกิร์ดสัน เป็นแข้งคนแรกของทีมพังประตูจากโอเพ่น เพลย์ยิงอยู่คนเดียวดลบันดาลชัยให้ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ บดขยี้ "นกขมิ้น" นอริช ไม่ยาก 2-0 พร้อมทะยานขึ้นที่ 3 มี 9 แต้มเท่าลิเวอร์พูล
ผลพรีเมียร์ลีก
วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556
สเปอร์ส 2-0 นอริช
ประตู: 1-0 กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน น.28,2-0 กิลฟี่ ซิเกิร์ดส์สัน น.50
ครึ่งแรก
กิลฟี่ทักทาย
เปิดฉาก สเปอร์ส บุกเข้าใส่ก่อนเลยแค่นาทีแรกเท่านั้น ซิเกิร์ดส์สัน สบโอกาสเลี้ยงตัดจากริมเส้นฝั่งซ้ายลากตัดเข้าในก่อนสับไกกด้วยเท้าขวาเต็มข้อบอลเหินข้ามคาน
ทาวด์เซนด์ลุ้นเสียว
"ไก่เดือยทอง" พยายามบุกทุกรูปแบบอาศัยการส่องไกล ทาวด์เซนด์ สบโอกาสสับไกด้วยอีซ้ายบอลถากเสาซ้ายมือของผู้รักษาประตู รัดดี้ หลุดกรอบ
โซลดาโด้โชคร้ายชนเสา
เข้าสู่นาที 12 "ไก่เดือยทอง" พลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดายสุดๆ จากความสามารถเฉพาะตัวของ เอริคเซ่น หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายสับไกยิง รัดดี้ นายทวารรับบอลไม่อยู่ โซลดาโด้ ตามซ้ำดาบสองตอกเส้นชนเสา
ไก่ตีปีก!กิลฟี่ปลดล็อค
ในที่สุดความพยายามของ "ไก่เดืองทอง" สัมฤทธิ์ผลในนาที 28 จากการประสานงานและต่อบอลอันยอดเยี่ยมเริ่มจาก แดนนี่ โรส เปิดทางริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปเส้นเขตโทษ โซลดาโด้ พักด้วยอก เอริคเซ่น รอจังหวะก่อนไหลให้ ซิเกิร์ดสัน เติมจากแถวสองหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้ายก่อนแปเสียบมุมขวาเข้าไป
ไก่ครองเกม!ทาวน์เซนด์เทสต์โกล์
หลังปลดล็อคพังประตูขึ้นนำสมใจ เกมอยู่ในคอนโทรลของ สเปอร์ส โดยสิ้นเชิงพาบอลป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษทีมนกขมิ้นอีก 5 นาทีถัดมา ทาวน์เซนด์ อาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากจากขวาตัดเข้าในก่อนสับไกระยะ 20 หลาตรงตัว รัดดี้ นายทวารยืนตำแหน่งดีรับสบาย
อูยยย!โวล์ฟสวินเคิลเกือบเจ๊า
หลังตั้งรับอยู่พักใหญ่ นอริช พยายามฮึดสู้นาที 35 เกือบตามตีเสมอ เร้ดมอนด์ เติมเกมบุกทางซ้ายก่อนผ่านเข้ากลาง แฟร์ตองเก้น ดันลื่นล้มกลางเป็นโอกาส โวล์ฟสวินเคิล จิ้มโล่งๆแฉลบบล็อคหลุดกรอบไปนิดเดียวหากตรงกรอบเข้าชัวร์ เพราะ ญอริส นายทวารยืนขาตายไปแล้ว
โรสเติมมายิง
ใกล้จะหมดครึ่งแรกเกมเปิดแลกกันแล้ว สเปอร์ส มีลุ้นส่งท้าย วอล์คเกอร์ เติมเกมบุกทางขวาผ่านจากเส้นหลังเข้ากลบาง โซลดาโด้ พยายามตามยิงแต่โดน บาสซง ประกบติดบอลหลุดมาถึงเสาสอง โรส เติมจากแบ็คซัดไม่ตรงกรอบ จบครึ่งแรก "ไก่เดือยทอง" รักษาความได้เปรียบนำ 1 เม็ด
ครึ่งหลัง
ไก่ฉวยโอกาส!กิลฟี่เบิ้ลจ้า 2-0
กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ผ่านไปแค่ 4 นาทีเท่านั้น สเปอร์ส ฉวยโอกาสโจมตีเร็วทิ้งห่าง 2-0 เอริคเซ่น ออกบอลได้สวยเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา เปาลินโญ่ หลุดโล่งๆก่อนปาดไปยังเสาสอง ซิเกิร์ดส์สัน รอชาร์จเผาขนไม่เหลือ
กิลฟี่ติดใจสักไก่ลุ้นแฮททริค
นำห่าง 2 เม็ดดูเหมือน "ไก่เดือยทอง" เล่นอย่างสบายๆคุมเกมไว้ได้หมดจนกระทั่งผ่านหนึ่งชั่วโมงแรกไปแล้ว ซิเกิร์ดส์สัน ติดใจลักไก่ส่องไกลระยะ 20 หลาบอลพุ่งเป็นจรวดเดือดร้อน รัดดี้ นายทวารทีมเยือนต้องผวาปัดทิ้ง
ไก่ลุ้นเม็ดสาม!บาสซงหวิดโอว์นโกล์
เกมของทีมเยือนยังไม่ดีขึ้นโดนเจ้าถิ่นไล่นวดอยู่เกือบข้างเดียวนาที 63 โรส เติมเกมรุกริมเส้นทางซ้ายก่อนผ่านเข้าไปหน้าปากประตู บาสซง ล้มตัวสไลด์ตัดหน้า โซลดาโด้ แบบเส้นยาแดงผ่าแปดสกัดทิ้งเกือบเข้าประตูตัวเองยังดีบอลเฉี่ยวเสานิดเดียว
ไก่ได้เสียว!โรสเติมมายิงติดเซฟ
เจอกดดันหนัก นอริช เล่นออกอาการรวนเล่นผิดพลาดกันเองโดยเฉพาะกองหลังออกบอลพลาดโดนตัดได้บอลมาถึง เปาลินโญ่ ไหลไปทางขวา โซลดาโด้ จับบอลไม่อยู่หลุดมาถึง โรส เติมจากแถวสองลากไปยิงมุมแคบติดเซฟ รัดดี้ นายทวารใช้ขาสกัดทิ้ง
ทาวน์เซนด์นิดเดียว
"ไก่เดือยทอง" เล่นเหนือกว่าเป็นฝ่ายคุมเกมไว้ได้หมดแล้วกระทั่ง 10 นาทีสุดท้ายมีลุ้นพังประตูเพิ่ม ทาวน์เซนด์ โชว์ทักษะพาบอลไปเองลากจากขวาตัดเข้าในก่อนสับไกยัดไปสามเหลี่ยมเฉี่ยวคานิดเดียว เวลาที่เหลือ สเปอร์ส คุมสถานการณ์ไว้ได้ชนะ 2-0
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์(4-4-2): ฮูโก้ ญอริส 5-ไคล์ วอล์คเกอร์ 5,ไมเคิล ดอว์สัน 5,แยน แฟร์ตองเก้น 5,แดนนี่ โรส 6-มูซ่า เดมเบเล่(เอริค ลาเมล่า 4.5 น.82),เปาลินโญ่ 6,อันโดรส ทาวน์เซนด์ 5,คริสเตียน เอริคเซ่น***8(เลวิส โฮลท์บี้ 5 น..70)-กิลฟี่ ซิเกิร์ดสัน 7(ซานโดร 5 น.78),โรแบร์โต้ โซลดาร์โด้ 6
สำรองไม่ได้ลง:แบร็ด ฟรีเดล,ยูเนส กาบูล,ไคล์ นอห์ตัน,เจอร์เมน เดโฟ
นอริช ซิตี้(4-4-1-1):จอห์น รัดดี้ 5-สตีเฟ่น ไวท์เทเกอร์ 3,ไมเคิล เทอร์เนอร์ 4,เซบาสเตียน บาสซง 7,ฮาเวียร์ การ์ริโด้ 4-โรเยบิร์ต สนอดกราสส์ 4,เลรอย เฟอ 5ร์,แบร์ดลี่ย์ จอห์นสัน 5(จอนนี่ ฮอว์สัน 5 น.63),นาธาน เร้ดมอนด์ 6(อเล็กซานเดอร์ เทฟตี้ 5 น.73)-โยฮัน เอลมานเดอร์ 4 (แอนโธนี่ พิกิงตัน 5 น.73)-ริคกี้ ฟาน โวล์ฟสวินเคิล 6
สำรองไม่ได้ลง: รัสเซลล์ มาร์ติน,แกรี่ ฮูเปอร์,มาร์ค บุนน์,มาร์ติน โอล์สสัน