อลังการเกรียนเทพ!โอ้เบิ้ลทดเจ็บมิลานทิ่มอูดิ2-1ขึ้นที่4
ไม่มีอะไรเปิดตัวได้สุดอลังการไปกว่านี้อีกแล้ว มาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวยิงเกรียนตัวพ่อประเดิมนัดแรกรับเหมาสองประตูดลบันดาลชัย เอซี มิลาน เชือด อูดิเนเซ่ ทดเจ็บ 2-1 พร้อมทำให้ "ปีศาจแดงดำ" แซงหน้า อินเตอร์ ขึ้นมารั้งอันดับ 4
ผลกัลโช่ เซเรีย อา
วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2556
เอซี มิลาน 2-1อูดิเนเซ่
ประตู:1-0 มาริโอ บาโลเตลลี่ น.25,1-1 จามปิเอโร่ ปินซี่ น.55,2-1 มาริโอ บาโลเตลลี่ (จุดโทษ) น.90+4
คลิปไฮไลท์ กัลโช่ เซเรีย อา เอซี มิลาน 2-1 อูดิเนเซ่
เรียกว่าไม่รอช้า มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี บิ๊กบอสรอสโซ่เนรี่ส่ง มาริโอ บาโลเตลลี่ ประเดิมสนามตั้งแต่วินาทีแรกเล่นสามประสานร่วมกับ สเตฟาน เอล ชาราวี และ เอ็มบาเย่ เนียง ส่วน อูดิเนเซ่ นำทัพโดย อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ดาวซัลโวประจำทีม
ครึ่งแรก
อูยยยย!เกรียนโอ้นิดเดียว
เปิดฉากไม่ถึงนาที บาโลเตลลี่ ดาวยิงป้ายแดงเกือบเปิดตัวได้อย่างสุดสวยเมื่อสบโอกาสสับไกยิงในกรอบเขตโทษทางขวาบอลผ่านมือผู้รักษาประตูถากเสาไกลออกไปแบบเฉียดฉิวน่าจะเป็นประตูสุดๆ
น้องโอ้จ่ายคมกริบ!เนียงไม่คมเอง
ได้บอลแต่ละครั้งของ "เกรียนโอ้" สร้างความฮือฮาอีกแล้วตวัดจากแบบสุดคมให้ เนียง หลุดโล่งๆในกรอบเขตโทษทางซ้ายดวลกับผู้รักษาประตูพยายามแปไปตรงตัว ปาเดลลี่ นายทวารออกมาบล็อคปัดได้ทันท่วงที
หนูเอลไม่ถนัดโขก
อูดิเนเซ่ยังบุกไม่ขึ้นเลยบอลอยู่ในความครอบครองของ "รอสโซ่เนรี่" อาบาเต้ เติมเกมรุกทางขวาเงยหน้ามองก่อนโยนจากเส้นหลังไปยังเสาสอง เอล ชาราวี ยังต้องปรับปรุงเรื่องลูกกลางอากาศเทคตัวโหม่งข้ามคาน
นำแล้ว!เกรียนโอ้สุดยอดดดดดดดดดด
สุดท้ายเวลาที่แฟนบอลในสนามเฝ้ารอก็มาถึงเห็นขวัญใจพังประตูทันทีเริ่มจากจังหวะ มอนเตลิโว่ ออกบอลได้สวยไหลให้ เอล ชาราวี กระชากถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนตบเข้ากลางบอลไปแฉลบกองหลังอูดิฯกระดอนเป็นใจเข้าทาง บาโลเตลลี่ วอลเลย์อีซ้ายทันทีแบบไม่ต้องจับเสียบตาข่าย มิลาน นำ 1-0
น้องโอ้เกือบเบิ้ล
หลังปลดล็อคได้ประตูขึ้นนำ มิลาน คึกใหญ่ยังเดินหน้าลุยต่ออีก 3 นาทีถัดมา บาโลเตลลี่ เล่นทีเผลอลงมาล้วงบอลก่อนเล็งไปสามเหลี่ยมปั่นไซด์ระยะ 25 หลาเดือดร้อน ปาเดลลี่ นายทวารต้องเหินเวหาปัดทิ้ง
ฟ้ามณณณี
ดูเหมือน มิลาน คุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้วเข้าสู่ท้ายครึ่งแรก เอล ชาราวี อาศัยสปีดเร็วกระชากฉีกหนีแนวรับทางซ้ายก่อนผ่านมายังเสาแรก ฟลามินี่ สอดทะลุโฉบสไลด์ตรงตัว ปาเดลลี่ นายทวารยืนดักรับเอาไว้ จบครึ่งแรก "รอสโซ๋เนรี่" นำเม็ดเดียว
ครึ่งหลัง
หนูเอลขอลุ้น
กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ยังเป็น มิลาน เดินหน้าลุยต่อเนื่องผ่านไป 5 นาที เอล ชาราวี ได้โอกาสสับไกนอกกรอบเขตโทษระยะ 25 หลาบอลพุ่งตรงกรอบแล้วแต่น้ำหนักยังแรงไม่พอเข้ามือ ปาเดลลี่ นายททวารล้มตัวดักรับเอาไว้ได
มิลานเผลอเกือบเน่า
กำลังบุกเพลินๆ มิลาน หวิดโดนตีเสมอจากจังหวะฉาบฉวยในนาที 52 ลาซซารี่ กระชากมาทางซ้ายก่อนวางบอลไกลจากระยะ 40 หลาเข้าไปในกรอบเขตโทษทางขวา ดิ นาตาเล่ ล้มตัววอลเล่ย์ข้ามคาน
เสียจนได้!ดิ นาตาเล่ตีเจ๊า 1-1
เข้าสู่นาที 55 "ปีศาจแดงดำ" เอาไม่อยู่เสียประตูจากจังหวะโต้กลับบอลตัดจากแดนกลางวางยาวให้ ดิ นตาเล่ โขกชงต่อ มูเรียล ลากจี้ใส่แนวรับก่อนไหลให้ ปินซี่ ยิงไปแฉลบ คอนสตานท์ ลอยหนีมือ อเมเลีย เสียบมุมเสาไกล
เกรียนโอ้เกือบเบิ้ล
หลังถูกตีเสมอ มิลาน ต้องหันมาเปิดเกมบุกเพื่อยิงประตูขึ้นนำให้ได้อีกครั้ง เอล ชาราวี ตะลุยมาทางซ้ายก่อนผ่านเข้ากลางให้ บาโลเตลลี่ กดเรียดด้วยเท้าซ้ายเข้าซองผู้รักษาประตู ปาเดลลี่
น้องโอออออออออ้
"รอสโซเนรี่" พลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย อาบาเต้ จ่ายไปทางซ้ายให้ คอนสตานท์ เติมเกมบุกก่อนผ่านเข้ากลาง บาโลเตลลี่ โล่งๆแต่ดันงัดโด่งข้ามคาน
เนียงโชคร้ายสุดๆ
เข้าสู่นาที 78 มิลาน ดูเหมือนไม่ได้พกดวงมาเลยในครึ่งหลังจากจังหวะ มอนเตลิโว่ ทิ้งบอมบ์เข้าไปในกรอบเขตโทษกองหลังทีมเยือนโขกสกัดมาเข้าทางปืน เนียง รออยู่แถวสองวอลเล่ย์เต็มข้อทันทีแบบไม่ต้องจับบอลชนคานดังสนั่น
เกรียนโอ้ฟรีคิกเสียว
"ปีศาจแดงดำ" พยายามบดอย่างหนักจนเข้าสู่ท้ายเกมเหลือ 5 นาทีได้ฟรีคิกระยะหวังผล 25 หลาเยื้องทางซ้าย บาโลเตลลี่ ปั่นไซด์โค้งหนีกำแพงกำลังจะเสียบมุมล่างขวา ปาเดลลี่ นายทวารพุ่งเหยียดมืดปัดทิ้ง
หนูเอลเรียกจุดโทษ!เกรียนโอ้ไม่พลาด
ทดเวลาบาดเจ็บ มิลาน มาได้จุดโทษจากจังหวะ บาโลเตลลี่ ไหลให้ เอล ชาราวี กระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษทางซ้าย อัลลัน เสียบสกัดจากด้านหลังโดนบอลด้วย ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษท่ามกลางการรุมประท้วงของแข้งอูดิเนเซ่แต่ไม่เป็นผล บาโลเตลลี่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาดกลายเป็นประตูชัย 2-1
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอซี มิลาน(4-3-3): อเมเลีย-อาบาเต้,โบเนร่า,ซาปาต้า,คอนสตานท์-ฟลามินี่(ตราโอเร่ น.85),มอนเตลิโว่,โนเชริโน่(โบยาน .68)-เนียง(เนียง น.80),ปาซซินี่,บาโลเตลลี่
อูดิเนเซ(3-5-1-1):ปาเดลลี่-เบนาเตีย,ดานิโล่,โดมิซซี่-บาสเต้,ปินซี่(มาร์เกล น.80),อัลลัน,ลาซซารี่,ซิลวา-มูเรียล(เปเรย์ร่า น.68)-ดิ นาตาเล่