ข่าว 5 เรื่องควรรู้ ! หลัง ไทย เปิดบ้านเอาชนะ ฟิลิปปินส์ 4-2 กระชับมิตรทีมชาติ 18 พ.ย. 2018

อินโดนีเซีย เกือบจะพังคาบ้านตัวเองอยู่แล้วเมื่อแนวรุกที่ทำได้ดีกว่าพวกเขาไม่สามารถเจาะประตู ติอมอร์-เลสเต ได้เลย แถมยังโดนทีมเยือนบุกไปนำก่อนด้วย แต่สุดท้ายก็ยังเอาตัวรอดได้ด้วยการชนะไป 3-1 

เมื่อเห็นว่าการใช้ เซปเตียน เมาลานา กับ มุฮัมหมัด ฮาร์กียันโต ไม่ได้ผล พวกเขาจึงลองเปลี่ยนโดยการใช้ ซูลฟียันดี ซูลฟียันดี กับ ริโก สิมันจุนตัก ลงสนาม ซึ่งทั้งคู่ก็ทำให้แนวรุกของทีมเยือนดูน่ากลัวขึ้นและหวังพึ่งได้ไม่ใช่น้อย

สิมันจุนตัก ทำหน้าที่ทางกราบขวาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเลี้ยงบอลกินแดน ทั้งการจ่ายบอลเข้าเขตอันตราย เขาทำได้หมด และนั่นทำให้ ฟิลิป โรลเลอร์ กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ต้องหัวหมุนไปหลายครั้ง และเขาเองก็น่าจะมีชื่อเป็นคนจบสกอร์ตั้งแต่นาทีที่ 15 จากการปั่นโค้งบริเวณมุมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย สไตล์เดียวกับ อ็องโตนี มาร์กซิยาล แต่โชคดีที่บอลมันไม่แรงมาก ศิวรักษ์ เลยจัดการได้

ส่วน ซูลฟียันดี กลายเป็นไม้เด็ดของทีมเยือนเมื่อเขาเพิ่งจะเคยลงเล่นในเกมนี้เป็นนัดแรกของรายการ และก็ทำให้แนวรับ ไทย ต้องออกสั่นขวัญผวากับลูกยิงไกล ซึ่งดีพอจะเป็น 1 ในลูกยิงที่สวยที่สุดประจำทัวร์นาเมนท์

เกมนัดสุดท้ายของพวกเขากับ ฟิลิปปินส์ ก็น่าเชื่อว่าทั้งคู๋จะได้ลงเล่นอย่างแน่นอน เพราะพวกเขายังคงพอมีลุ้นเข้ารอบ หากอะไรหลาย ๆ อย่างยังคงเป็นใจให้พวกเขา 

จากประตูของ อดิศักดิ์ ไกรษร ที่ชิปข้ามหัว อเดริโต้ ในเกมแรก ลูกวอลเลย์ระยะไกลของ วอลเตอร์ กามา ของ ติมอร์-เลสเต จนมาถึงเกมนี้ที่มีทั้ง ลูกยิงของ ซูลฟียันดี ลูกเตะมุมของ กรกช และลูกชิปของ ปกเกล้า ก็ทำให้มีประตูสุดสวยเกิดขึ้นมาแล้วถึง 5 ลูก ทั้ง ๆ ที่เกมรอบแบ่งกลุ่มเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น

ดูท่าทาง เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ คราวนี้จะน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว 

แม้ว่าพวกเขาจะเสียท่าให้กับน้องใหม่ ติมอร์-เลสเต ไปก่อนในเกมที่แล้ว และต้องมาลุ้นเอาแต้มในช่วงท้ายเกม แต่ดูเหมือนว่าเกมรับของ อินโดนีเซีย ในนัดนี้จะทำการบ้านมาดีกว่าเดิม เมื่อพวกเขาสามารถต่อกรกับ ไทย ได้อย่างสนุก

ตลอดเวลา 45 นาทีแรก เกมโอเพนเพลย์ของ ไทย ไม่สามารถทำอันตราย อินโดนีเซีย ได้เลย โดยเฉพาะ 4 ตัวรุกอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร นูรูล ศรียานเก็ม มงคล ทศไกร และ สรรวัชญ์ เดชมิตร ที่หากันแทบจะไม่เจอ และไม่มีใครเลยจาก 4 คนดังกล่าวที่ได้โอกาสยิงลุ้นประตูในครึ่งแรก

น่าเสียดายที่พวกเขาต้านอยู่แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น ก่อนสกอร์จะเริ่มไหลไปจนถึง 4 ประตูในครึ่งหลัง

แผงกองหลังของทีมชาติ ไทย ยังเป็นปัญหาที่น่าห่วง เมื่อพวกเขาเปลี่ยน 1 ตำแหน่งจาก มานูเอล บีห์ร์ เป็น พรรษา เหมวิบูรณ์ แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยให้แน่นขึ้นแต่อย่างใด

อันที่จริง พรรษา เล่นได้ดีทีเดียว แต่การประสานงานระหว่างเขากับคนอื่นโดยเฉพาะ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ดูจะยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ พวกเขาปล่อยให้ผู้เล่น อินโดนีเซีย เข้าเขตโทษง่ายไป โดยเฉพาะจังหวะเตะมุมที่ไม่สามารถช่วยเคลียร์บอลขาดจนเกือบจะเสียประตูตั้งแต่ไก่โห่ 

ฟิลิป เป็นอีกคนที่ต้องกลับมาพิจารณาตัวเอง เมื่อเขาโดน สิมันจุนตัก เล่นงานบริเวณด้านข้างอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็โชคดีอยู่ไม่น้อยที่ อินโดนีเซีย เก็บกินจังหวะเหล่านั้นไม่ได้เอง และมีเวลามากพอที่จะทำให้เขาสามารถตั้งสติและกลับสู่เกมได้ในครึ่งเวลาหลัง

ด้านกัปตันทีมอย่าง เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว เองยังงมีจังหวะงง ๆ อยู่เหมือนกันแม้จะช่วยทีมได้เยอะ โดยเฉพาะจังหวะเข้าสกัดบอลเปิดของ อันดิก แวร์มันซาห์ พลาดเกือบทำให้ทีมต้องเสียประตู แต่ยังดีที่นายทวารของทีมช่วยเอาไว้ได้

มิโลวาน ราเยวัช จำเป็นที่จะต้องหาทางขันเกมรับของพวกเขาให้แน่น โดยเฉพาะความผิดพลาดส่วนตัวที่จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกในเกมกับ ฟิลิปปินส์ หรือในรอบลึก ๆ ที่เราอาจต้องเจอกับ เวียดนาม

ทางด้าน ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ในที่สุดก็น่าจะยึดมือ 1 ชุดนี้ได้อย่างแน่นอนแล้ว เมื่อเขาทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเซฟลูกยิงอันตรายได้หลายครั้ง โดยเฉพาะการเซฟถี่ ๆ 3 ครั้งติดท้ายเกม และสามารถออกมาคว้าบอลกลางอากาศได้อย่างมั่นใจ 

เกมนัดหน้าในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน ไทย มีคิวเตะกับ ฟิลิปปินส์ ที่สนามเหย้าของพวกเขา ปานาอัด ซึ่งดูแล้วคงไม่ใช่งานง่าย เมื่อพวกเขาจะยังสามารถใช้ นีล เอเธอร์ริดจ์ นายทวารมือ 1 จากสโมสร พรีเมียร์ลีก อย่าง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เฝ้าเสา ในขณะที่ 2 พี่น้อง ฟิล และ เจมส์ ยังฮัสแบนด์ ก็มีดีกรีเป็นถึงเด็กปั้นของ เชลซี มาก่อน ความผิดพลาดเล็กน้อยย่อมอาจนำไปสู่การเสียประตูได้ทุกเมื่อ

ในเกมนี้ทีมที่ชนะจะเข้ารอบทันที ส่วนทีมที่แพ้ก็ยังต้องไปลุ้นเอาในคู่สุดท้าย ในขณะที่ผลเสมอจะทำให้ สิงคโปร์ มีลุ้นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน หากพวกเขาเอาขนะ ติมอร์-เลสเต ได้ในเกมหน้า และเอาชนะ ไทย ในเกมสุดท้าย

เกมนัดที่เหลือของกลุ่มบี

พุธ 21 พ.ย. : ฟิลิปปินส์ vs ไทย, สิงคโปร์ vs ติมอร์-เลสเต

อาทิตย์ 25 พ.ย. : อินโดนีเซีย vs ฟิลิปปินส์, ไทย vs สิงคโปร์