แลมพ์ปลดแอก!สิงโตกลายร่างซิวแซมบ้า 2-1 ในรอบ 23 ปี
ทีมชาติอังกฤษทำเอาแฟนบอลน้ำตาคลอเบ้าเพราะเล่นกันอย่างแจ่มตั้งแต่หลังยันหน้า มีผิดพลาดแค่ประตูโดนตีเจ๊า แต่สุดท้ายประตูชัยของแลมพาร์ดที่ลงยิงซูเปอร์ซัพสุดสวยช่วยหนุนลูกเบิกร่องของรูนี่ย์ให้ชนะบราซิลไป 2-1 ยุติ 8 เกมที่พบกันแล้วไม่เคยชนะมาได้ลงไปเลย
ฟุตบอลกระชับมิตรระดับนานาชาติ นัดพิเศษ
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556
อังกฤษ 2 - 1 บราซิล
สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี๊ยม
ประตู :1-0 รูนี่ย์ น.26, 1-1 เฟร็ด น.48, 2-1 แลมพาร์ด น.60
หนึ่งในเกมอุ่นเครื่องของทีมชาติที่หลายคนต่างก็จับตามองการเจอกันระหว่างอังกฤษและบราซิลเพื่อฉลองการครบรอบการก่อตั้ง 150 ปีของสมาคมฟุตบอลเมืองผู้ดี
8 เกมหลังสุดที่ทั้งสองฝ่ายเจอกันนั้นอังกฤษไม่เคยเอาชนะบราซิลได้เลยและถ้าจะย้อนกลับไปหาชัยชนะเกมล่าสุดที่ทัพผู้ดีจบเกมด้วยชัยชนะนั้นต้องโน่นเลยปี 1990
วันนี้ได้วัดกันหลายตำแหน่งเลย เพราะบราซิลขนสตาร์ดาวดังลงเพียบทั้งเนย์มาร์, ออสการ์, เนย์มาร์และโรนัลดิญโญ่อดีตตัวแสบของทัพ "สิงโตคำราม" เขา
ด้านลูกทีมฮอดจ์สันมีรูนี่ย์เป็นแกนหลักของทีม ผสมด้วยเวลเบ็คคู่หูจากค่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีวิลเชียร์คอยช่วยกันปั้นเกมกับเจอร์ราร์ดในแดนกลางและอาวุธหนักสุดจี๊ดอย่างวัลค็อตต์ทางด้านข้าง
ก่อนเริ่มเกมก็ได้มีการยืนไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงเหตเครื่องบินตกของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อ 55 ปีก่อน แต่กลายเป็นว่ามีแฟนบอลไม่รู้จักความกลุ่มเล็กๆส่งเสียงร้องแซว เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากทีมข่าวในสนามของอังกฤษ
นอกจากนั้นก็มีการมอบรางวัลให้กับเจอร์ราร์ดที่ลงเล่นครบ 100 เกมเมื่อนัดที่แล้วกับทีมชาติอังกฤษไป ส่วนโคลก็ลงเล่นครบ 100 เกมในวันนี้
ครึ่งแรก
เฮ้ ... เนย์มาร์ดีส อีส แท็คเกิ้ล!
ได้มาเจอกันทั้งทีก็ขอทักทายตามสไตล์บอลผู้ดีสักหน่อย สำหรับเคฮิลล์ที่โชว์จังหวะใช้พลังกายดอกแรกอ่านเกมเข้าสไลด์เสียบดักบอลที่เนย์มาร์กำลังจะเล่นจนดาวรุ่งพุ่งแรงล้มกลิ้งไป ก่อนจะเข้าเบียดเฉียดฉิวที่สตาร์ซานโตสกำลังจะหลุดเข้าเขตโทษนั่นเอง
ฟาวล์ไมว๊า!เซซาร์โชว์เซฟสุดยอด
นาทีที่ 10 เห็นเซฟเทพขนาดนี้แล้วไม่ต้องเป่าฟาวล์ก็ได้ ในจังหวะที่อังกฤษได้เตะมุม บอลโยนโด่งเข้ากลางรูนี่ย์ได้โหม่งสะบัดลงพื้้นจากระยะแค่ไม่กี่หลา แต่เซซาร์สุดยอดดีดตัวปัดบอลมือเดียวหลุดออกหลังไปได้หน้าตาเฉย ถึงอย่างนั้นผู้ตัดสินก็เป่าไปแล้วว่าหอกร่างอวบผลักฟาวล์ไปก่อน
ฮาร์ทเบรคเกอร์!เซฟสุดตีน 2 ดอกติด
นาทีที่ 19 เซซาร์นึกว่าจะโชว์คนเดียวรึไง เมื่อฮาร์ทจัดการเซฟ 2 จังหวะที่ต้องบอกเลยว่าสุดตีนเอามากๆ ในจังหวะจุดโทษที่โรนัลดิญโญ่เปิดไปโดนมือของวิลเชียร์ ก่อนบอกกูขอตั้งบอลไปซัดเอง บอลพุ่งเลียดฮาร์ทดักได้ถูกทาง ล้มตัวป้องกันไว้ได้ แต่มันยังไม่พ้นวิถี บอลหมุนอยู่หน้าประตู เหยินน้อยพยายามที่จะสไลด์เข้ามาจิ้มซ้ำ แต่นายด่านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ลุกโคตรเร็วดีดตัวไปปัดมือเดียวออกมาได้ก่อนอีก สุดยอดไปเบย
สิงโตให้ได้กดบ้าง-โก๋แดนไม่ยิงซ้าย
หลังจากปล่อยให้กลางของบราซิลครองไปอยู่พักหนึง อังฤษก็มามีจังหวะการครองบอลบุกต่อเนื่องบ้างในช่วงนาทีที่ 25 ของเกม มีโอกาสอยู่ 2-3 ครั้ง สวยสุดคงวิลเชีลย์จ่ายป้ายทะลุให้กับเวลเบ็คได้ลองซัด แต่แทนที่จะยิงด้วยซ้ายตามเหลี่ยมกลับเลือกจิ้มหัวเกือกเท้าขวา บอลพุ่งออกหลังไปเลย
หนูแจ็คอีกแล้ว!หมูสบายแฮซ้ำสิงโตนำ
นาทีที่ 27 เด่นจริงๆสำหรับวิลเชียร์ในวันนี้ เมื่อเขาเป็นคนครองบอลตรงกลาง ก่อนที่จะเห็นช่องจ่ายไหลต่อให้กับวัลค็อตต์ใช้สปีดวิ่งทะลุเข้าไปในเขตโทษเสียแต่ยิงติดบาของเซซาร์ที่ออกมาบล็อก แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นรูนี่ย์ที่วิ่งตามเข้ามาซ้ำจากระยะไกลผ่านผู้เล่นบราซิลเข้าประตูไป อังกฤษขึ้นนำ 1-0 เฮกันหน่อย
ตั้งใจเปล่าจารย์!ธีโอโดนลูอีซสะกิดซี่โครง
อีก 2 นาทีต่อมา ก็ไม่รู้ว่าจังหวะนี้ตั้งใจหรือเปล่าสำหรับลูอีซแต่เล่นเอาวัลค็อตต์ต้องปฐมพยาบาลกันนิดหน่อยเลย เมื่อสตาร์อาร์เซนอลได้บอลแตะตัดเข้ากลาง ก่อนไหลต่อให้เพื่อนแต่ตอนกำลังจะผ่านลูอีซไปแข้งเชลซียื่นมือออกมาตั้งหลักรอใส่ซี่โครงของวัลค็อตต์จนเจ้าตัวถึงกับเล่นต่อไม่ได้เพราะหายใจไม่สะดวก แต่สุดท้ายก็กลับมาเล่นกันต่อ
เนย์มาร์จังหวะนี้ต้องเข้านะ
นาทีที่ 37 สงสัยจะผิดเหลี่ยมไปหน่อยสำหรับเนย์มาร์ที่พลาดโอกาสทองในการทำประตูไป เมื่อออสการ์พาบอลขึ้นทางข้าง ก่อนเปิดสุดน่ากลัวครอสบอลต่ำเข้าจุดเกรงใจของกองหลังและผู้รักษาประตู บอลเลยถึงเนย์มาร์ที่สอดขึ้นมาสไลด์ชาร์จที่เสาสองก่ะว่าเน้นๆ แต่ดันปลิ้นหลุดข้ามคานไปไกลซะนี่
ช่วงเวลาที่เหลือก็บุกกันไปกันมา แต่ความเสียวสะท้านน้อยกว่าที่ผ่านมาเหลือเกิน ทำให้จบ 45 นาทีแรกลงพร้อมกับประตูนำ 1-0 ของอังกฤษจากรูนี่ย์ แต่ที่โดดเด่นจริงๆเลยคือวิลเชียร์ที่เป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของเจ้าบ้านเกมนี้ ส่วนบราซิลนี่ต้องปรับกันสักนิดในจังหวะสุดท้าย ความเข้าใจขาดกันไปหน่อย
ครึ่งหลัง
อังกฤษมีการเปลี่ยนตัวโดยเอาเบนส์ลงเล่นแทนโคล รวมทั้งถอดเคลฟเวอร์ลี่ย์ออกและให้แลมพาร์ดลงไปแทน ส่วนบราซิลนั้นถอดทั้งรามิเรส, โรนัลดิญโญ่และฟาเบียโน่ออกแล้วส่งอารูก้า, ลูคัส มูร่าและเฟร็ดลงเล่น
เคฮิลล์พลาด!เฟร็ดลงโทษซะเลย
ครึ่งหลังเล่นมาแค่ไม่กี่นาที เคฮิลล์ที่โชว์จังหวะแท็คสวยๆในครึ่งแรกก่อความผิดพลาดจังเบอร์เลย เพราะเพื่อนอุตส่าห์ตามแก้กลับคืนบอลให้ เจ้าตัวกลับไปแตะบอลยาวเกิน ก่อนที่จะจิ้มไปติดผู้เล่นของบราซิล บอลเข้าทางเฟร็ดที่ไม่ต้องอะไรมากหาเหลี่ยมได้ปุ้บก็อัดเต็มตีนบอลพุ่งเข้าไปเสียบเสาไกลแรงประดั่งยิงปืนใหญ่ เกมเสมอกัน 1-1
ผู้ดีป่วนแต่กลับมาได้
หลังเสียประตูไปก็เล่นเอาตุปัดตุเป๋ มีจังหวะพลาดต่อเนื่องที่สมอลลิ่งคืนหลังไม่ดีฮาร์ทหวดแป้กไปติดเคฮิลล์เกือบโดนเฟร็ดจัดให้อีกดอกดีที่ชนคาน แต่หลังจากนั้นอังกฤษก็ตั้งเกมกันได้ เหมือนหายมึน
เซฟแค่ไหนก็ไม่ไหว!แลมพ์ยิงชิ่งเสาสวยสุด
หนึ่งชั่วโมงของเกมพอดี เป็นจังหวะการจบสกอร์ที่แม้แต่เซซาร์ที่เซฟแจ่มๆในครึ่งหลังไป 2 ดอกก็ต้องยอม เมื่อบราซิลไปเล่นกันหน้าประตูเลยเจอรูนี่ย์เข้าจิ้มตัดหน้าต่อให้แลมพาร์ดที่ไม่ต้องพูดมากปั่นจังหวะเดียวจากนอกกรอบเล่นทาง บอลเลี้ยวหนีมือเซซาร์ชิ่งเสาเด้งเข้าไปอย่างสวย อังกฤษนำอีกหน 2-1
แซมบ้ายังขาดข้างหน้า
เข้า 20 นาทีสุดท้าย ยังคงเป็นปัญหาของบราซิลเหมือนเดิมถึงแม้ว่าจะบุกเร็วจนอังกฤษรวน แต่สุดท้ายพอเจ้าบ้านตั้งหลักได้ แนวรุกของบราซิลที่แม้จะพาขึ้นไปสู่โซนสุดท้ายได้ แต่ก็ไม่ได้มีจังหวะทีเด็ดเข้าไปลุยเจาะได้เลย เนย์มาร์ก็โดนประกบจนต้องถอยต่ำอยู่หลายครั้ง
สิงโตวันนี้เอะอะทำชิ่งกัน
ถือว่าเป็นการเล่นที่ดีกว่าเอาแต่โยนบอลแน่นอนสำหรับอังกฤษวันนี้ที่ต่อบอลเท้าสู่เท้ากันได้ดี มีจังหวะเล่นหนึ่งสองแบบรู้ใจกันหลายหน ดูแล้วก็น่าปลื้มใจแทนฮอดจ์สัน เพียงแต่จะรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง
แซมบ้ายังพยายามต่อ
อุตส่าห์รักษาสถิติไม่แพ้อังกฤษมานานก็อยากที่จะสานต่อต่อไปสำหรับบราซิลที่แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันเยอะแล้ว แต่ก็เดินหน้าพยายามที่จะเอาประตูตีเสมอคืนกลับมาให้ได้
สิงโตรอแค่เวลา
ตอนนี้เกมบุกช่างมันแล้วสำหรับอังกฤษที่เน้นเกมตั้งรับกันเต็มตัว ที่เหลือเอาไว้เค้าเตอร์แอ็คแท็คอย่างเดียว เพราะยังไงก็ต้องรักษาประตูนำอยู่หนึ่งลูกนี้เอาไว้ให้ได้ก่อนเท่านั้น
จบ 90 นาทีอังกฤษทำภารกิจที่รอมายาวนานได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะบราซิลเจ้าภาพฟุตบอลโลก ปี 2014 ไปด้วยสกอร์ 2-1 แม้ว่าจะเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องแต่ก็มีความหมายไม่น้อยกับสภาพจิตใจของนักเตะที่โดนหยันเอาไว้ก่อนเกมจากเนย์มาร์สตาร์บราซิลที่มองว่าทีมเอาแต่พึ่งรูนี่ย์มากจนเกินไปนั่น
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท, เกล็น จอห์นสัน, แอชลี่ย์ โคล(เบนส์ น.45), สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แกรี่ เคฮิลล์, คริส สมอลลิ่ง, แจ็ค วิลเชียร์, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์(แลมพาร์ด น.45), ธีโอ วัลค็อตต์(เลนน่อน น.76), แดนนี่ เวลเบ็ค(มิลเนอร์ น.61), เวย์น รูนี่ย์
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แจ็ค บัตแลนด์, ไคล์ วอล์คเกอร์, ฟีล จาเกียลก้า, โจเลี่ยน เลสค็อตต์, เจมส์ มิลเนอร์, ลีออน ออสมัน, อเล็กซ์ อ๊อกเหลด แชมเบอร์เลน
บราซิล : ฮูลิโอ เซซาร์, ดานี อัลเวส, ดาบิด ลูอีซ(มิรานด้า น.79), รามิเรส(อารูก้า น.45), อาเดรียโน่(เฟลิเป้ น.70), ดานเต้, เปาลินโญ่(จีอัน น.62), โรนัลดิญโญ่(มูร่า น.45), ออสการ์, หลุยส์ ฟาเบียโน่(เฟร็ด น.45), เนย์มาร์
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : ดิเอโก้ อัลเวส, เลอันโดร คาสทาน, ฮัลค์